วันนี้เราจะพามารู้จักคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี(ไขมันเลว) หรือ LDL(Low Density Lipoprotein) กัน โคเลสเตอรอลในร่างกาย ประกอบขึ้นจากไขมันหลายชนิด ได้แก่แอลดีแอล. (LDL), เอ็ชดีแอล ( HDL), ไตรกลีเซอไรด์ (Tg) โดยสัดส่วนของไขมันต่างๆที่ประกอบกันขึ้นเป็นโคเลสเตอรอลรวมมีดังนี้ โคเลสเตอรอลรวม = LDL + HDL + (ไตรกลีเซอไรด์ / 5)
ทำไมจึงว่า LDL เป็นไขมันชนิดไม่ดี
เพราะว่าระดับ LDL ในเลือด มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมัน LDL ทำหน้าที่เป็นตัวนำโคเลสเตอรอลทั้งหลายออกจากตับเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อเซลล์เลือกใช้โคเลสเตอรอลที่ต้องการไปแล้ว โคเลสเตอรอลที่เหลืออยู่ในกระแสเลือดก็จะพอกเป็นตุ่มอยู่ที่ผนังของหลอด เลือดทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบ นานไปตุ่มเหล่านี้ปริแตกออกทำให้มีลิ่มเลือดเข้ามาผสมโรงพอกจนอุดตันหลอด เลือด ผลตามมาคืออวัยวะสำคัญที่ต้องอาศัยเลือดจากหลอดเลือดเช่นหัวใจ สมอง ไต เกิดขาดเลือดไปเลี้ยง กลายเป็นโรคเช่น หัวใจขาดเลือด อัมพาตอัมพฤกษ์ ความดันเลือดสูง ไตวาย เป็นต้น
LDL มาจากไหน
อาหารที่เพิ่ม LDL แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ
อาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว (saturated fat)
หมายถึงไขมันจาก เนื้อสัตว์ต่างๆ ยกเว้นเนื้อปลา ไข่ นมโฮลมิลค์ เนย ชีส ไอศกรีม เค้ก คุ้กกี้ น้ำสลัดสำเร็จรูป พืชสกุลปาลม์เช่น น้ำมันปาลม์ น้ำมันมะพร้าว เป็นต้นการเป็นไขมันอิ่มตัว เป็นคนละประเด็นกับการเป็นโคเลสเตอรอลหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นน้ำมันปาลม์ น้ำมันมะพร้าว ไม่ใช่โคเลสเตอรอล และไม่มีส่วนประกอบที่เป็นโคเลสเตอรอล เพราะพืชทุกชนิดไม่มีโคเลสเตอรอล แต่น้ำมันปาลม์และน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัว เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วก็มีผลเพิ่ม LDL ในเลือดเช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัวจาก เนื้อ หมู ไก่ เช่นกัน เนื่องจากไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย กฎหมายจึงบังคับให้ฉลากอาหารบอกว่ามีไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบอยู่ในอาหาร นั้นเท่าไร
อาหารจำพวกไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fat)
เป็นไขมันชนิดหนึ่งโดยทั่วไป ไขมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ น้ำมันมะกอก เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่ในอุตสาหกรรมอาหารบางอย่างได้มีการเปลี่ยนเอาไขมันไม่อิ่มทั่วไปให้กลาย เป็นไขมันทรานส์ เพื่อให้มีคุณสมบัติแข็งเป็นไข จะได้เอาไปทำเนยเทียมหรือเอาไปเคลือบอาหารสำเร็จรูปได้ง่ายขึ้น อาหารที่มีไขมันทรานส์มาก ได้แก่ ขนมอบ หรือเบเกอรีที่มีมาการีนเป็นส่วนประกอบ ครีมเทียม คอฟฟี่เมท อาหารอบ อาหารทอด ขนมกรุบกรอบต่างๆ เป็นต้นปัจจุบันนี้ในยุโรปและอเมริการมีกฎหมายบังคับให้บอกที่ฉลากว่าอาหารนั้นมีไข มันทรานส์อยู่เท่าใด แต่เมืองไทยยังไม่มีกฎหมายนี้ กฎหมายไทยบังคับให้บอกเฉพาะไขมันอิ่มตัว ดังนั้นเมื่ออ่านฉลากอาหารที่มีไขมันทรานส์จะไม่เจอคำเตือนใดๆเพราะไขมัน ทรานส์มาจากไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันทรานส์นี้ เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วจะไปทำให้โคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในร่างกายสูงขึ้น และไปทำให้ไขมันชนิดดีในร่างกาย (HDL) ต่ำลง จึงจัดเป็นไขมันที่มีผลเสียต่อร่างกายสองเด้งเลยทีเดียว
ระดับ LDL ในร่างกายเท่าใดจึงจะพอดี
โครงการศึกษาโคเลสเตอรอลแห่งชาติอเมริกัน (NCEP) กำหนดมาตรฐานระดับของไขมัน LDL ในเลือดดังนี้มัน
น้อยกว่า100 mg/dl | พอดี | optimal |
100 – 129 | เกินพอดี | above optimal |
130-159 | สูงคาบเส้น | borderline high |
160-189 | สูง | high |
190 | สูงมาก | very high |
และ NCEP ยังได้แนะนำเกณฑ์ว่าใครควรจะเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (ออกกำลังกายและคุมอาหารอย่างเข้มงวด) และควรจะเริ่มต้นใช้ยาลดไขมันเมื่อใด ตามความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดของแต่ละคน ดังนี้
ระดับความเสี่ยง
- เป็นหรือเทียบเท่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด (CHD) (คะแนนความเสี่ยงสิบปีของฟรามิงแฮม >20%)
- LDL เป้าหมาย 100 mg/dl
- ระดับที่ต้องเริ่มใช้ยา =>130 mg/dl
- มีคะแนนปัจจัยเสี่ยงหลัก +2 ขึ้นไป (คะแนนความเสี่ยงสิบปีของฟรามิงแฮม 10-20%)
- LDL เป้าหมาย 130 mg/dl
- ระดับที่ต้องเริ่มใช้ยา =>130 mg/dl
- มีคะแนนปัจจัยเสี่ยงหลัก +2 ขึ้นไป (คะแนนความเสี่ยงสิบปีของฟรามิงแฮม <10%)
- LDL เป้าหมาย 130 mg/dl
- ระดับที่ต้องเริ่มใช้ยา >= 160 mg/dl
- มีคะแนนปัจจัยเสี่ยงหลัก 0 หรือ +1 (ไม่ต้องประเมินคะแนนฟรามิงแฮม)
- LDL เป้าหมาย 160 mg/dl
- ระดับที่ต้องเริ่มใช้ยา >= 160 mg/dl หรือ 190 mg/dl
Credit: สันต์ ใจยอดศิลป์. ไขมันโคเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL). Health.Co.Th Journal 2010:2:5-5. , CDC/NCHS, National Health and Nutrition Examination Survey
Editing : Dr. Feeling Good
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น