วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563

เล่าจากชีวิตจริงเรื่อง​ "วิบากกรรม โดย.. ชีวิตธรรมดา กายคตาสติ

เล่าโดย
ชีวิตธรรมดา กายคตาสติ

(เพราะความเจ็บจึงทำให้ได้ความรู้​รักษาตัวเอง และได้พบพระธรรม​ นำพาให้พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์)


" วิบากกรรม" ครั้งที่1

ปีพศ.​2518 ผมอายุ​14​ ปี​ วันนั้นปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อน​ ตอนเย็นกินยาทัมใจ-ปวดหายแล้วนอน​ ตอนเช้าตื่นนอนมาลุกเดินไม่ได้กลายเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต.รักษาอยู่ร่วม​ 2​ ปีจึงหายมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม.


" วิบากกรรม"ครั้งที่2​

ปีพศ.​2533 ผมอายุ29 ปีได้รับอุบัติบาง​อย่างหมดสติ​มาฟื้นที่รพ.​ ประจำจังหวัด​ ออกจากรพ.​มา​ ขาไม่มีแรงข้างหนึ่งกระดกข้อเท้าและนิ้วเท้าไม่ได้ ต่อมาอีกยี่สิบกว่าปี​ (ปีพศ.2557)​ กระดกข้อเท้าและนี้วเท้าได้ขากลับมามีแรง​อีกครั้ง

(เส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทในร่างกายที่เสื่อมสภาพมายี่สิบกว่าปีฟื้นตัวได้​ มีภาพและคลิปเป็นข้อมูลให้ศึกษา)


" วิบากกรรม" ครั้งที่3.

ปีพศ.2538 โดนไฟฟ้าซ็อตจนหมดสติ


" วิบากกรรม" ครั้งที่4.

ปีพศ.2542 ผมอายุ​ 38 ปี​ หายใจเข้าออกมีอาการแน่นหน้าบ่อยครั้ง​ (เวลานอนๆ​ เกรน)​ เวลาแน่นหน้าอกก็ไปคลีนิคบ้าง​ และไปรพ.​บ้าง คุณหมอก็ตรวจหาโรคไม่เจอ​ จนวันหนึ่งทำงานเสร็จพอ​ดี​ แน่นหน้าอกอย่างแรง​ หายใจเข้าแล้วแต่หายใจออกไม่ได้​ หมดสติคาที่​ มาฟื้นอีกทีที่รพ.​ เอกชน​บุรีรัมย์ สรุป​นํ้่าท้วมปอดต้องเจาะปอดรักษา​​นอนรักษาตัวอยู่​รพ.​ ของรัฐเดือนกว่าๆ​ ร่างกายจึงดีขึ้นเรื่อยๆ​ จนเป็นปกติ.

(ถ้าท่านหายใจเหนื่อยง่าย​ เหนื่อยหอบ มีอาแน่นหน้าอก​ หรือคุณหมอว่า​ เส้นเลือดหัวใจตีบตัน​ ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกจากการผ่าตัดรักษา)​


"วิบากกรรม" ครั้งที่5.

ปีพศ.2552 ผมอายุ48 ปี​ วันนั้นนั่งพักผ่อนอยู่ดีๆ​ ที่บ้าน​ อยู่ๆ​ ร่างกายซีกขวาบิดเกร็งไปทั้งซีก​ หมดสติคาที่​ มาฟื้นอีกทีที่รพ.​ เอกชน​ สรุป เส้นเลือดฝอยแตกในสมองกลายอัมพฤกษ์​ อัมพาตอีกครั้ง​ (โชคดีไม่ได่ผ่าตัดสมอง​ นอนรอดูอาการอยู่ที่รพ.ประจำจังหวัด​ ร่วมอาทิตย์จึงได้ออกจากรพ.)​ รักษาตัวอยู่รวมสองปี​ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทยจนหมดเงินค่ารักษา​ หมดเงินค่ายา​ หมดเงินทุนประกอยอาชีพ​ เป็นหนี้สิน​ นำพาครอบครัวลำบาก​ จึงต้องขายทรัพย์ที่มีใช้หนี้​

ต่อมาปีพศ.2554 จึงได้พบวิธีรักษาตัวเอง​

คนเราเกิดมามีบุญกรรมติดตัวมาที่ต่างกัน​ ผมมี​"กรรม" ติดตัวมาแต่ชาติก่อนมาก​ ชาตินี้เส้นทางชีวิตจึงได้ประสบกับ"วิบากกรรม" คือความเจ็บป่วยหนักๆ​ สี่ห้่าครั้ง​ และแต่ละครั้งก็เหมือนตายแล้วฟื้นมาอีก​ เพราะเหตุแห่งความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น​ ครั้งที่5 ผมจึงได้ความร้​ ูจากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในร่างกายตัวเองรักษาตนเอง. เพราะเหตุแห่งความเจ็บที่เกิดขึ้นแล้ว​ จึงทำให้ผมรู้ว่า​ เส้นประสาทที่เสื่อมสภาพ​มา​20​ กว่าปีฟื้นตัวได้.​ และเพราะเหตุแห่งความเจ็บที่เกิดขึ้น​ จึงทำให้ผมได้พบพระธรรมคำสอนอันประเสริฐของพระศาสดา​ นำพาให้พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์​ ผมฝากอ่านต่อด้วยนะครับ​ บางทีอาจจะมีประโยชน์กับท่านหรือคนที่ท่านรู้จักได้บ้าง.

=========================================================================

วิบากกรรมครั้งที่1

ปีพศ2518 ผมอายุ​14​ ปี​ (ผมเกิด2504) วันหนึ่งผมปวดหัวเป็นไข้​ตัวร้อน ตอนเย็นผมกินยาทัมใจ​ ปวดหายในครั้งนั้น​ กินยาเสร็จก็นอนทั้งคืนก็มีไม่อาการใดๆ

ตื่นเช้ามาผมลุกเดินไม่ได้แข้งขาไม่มีแรงอุจจาระ​ ปัสสาวะแตกไม่รู้ตัว

สรุปผมกลายเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต​ สมัยนั้นการรักษากับทางการแพทย์ก็ลำบาก​ การแพทย์ก็ยังไม่เจริญ​ คุณหมอมีอยู่น้อย การจะเดินทางไปรักษากับคุณหมอในตัวเมือง​ อยู่บ้านนอกเดินทางก็ลำบาก​ รถก็ไม่ค่อยมีวิ่งมาก

พ่อของผมจึงได้รักษาผมด้วยการนอนอบสมุนไพร​ และต้มสมุนไพรให้ผมดื่ม​ ผมเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตอยู่ร่วมสองปี​ ผมจึงหายมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิมอีกครั้ง.

ผมขอฝากไว้เป็นข้อคิด​ ตั้งแต่วัยเด็กไปถึงวัยอายุ​20​ ปี​ การปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนส่วนมากจะเกิดจากการที่ร่างกายปรับสภาพยืดตัวของเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นที่พัฒนาตัวเองจากวัยทารกไปสู่วัยเด็ก​เล็ก​ จากวัยเด็กเล็กไปสู่วัยประถม จากวัยเด็กประถมไปสู่วัยเด็กโต​ และเจริญเติบโตไปสู่วัยหนุ่มสาว​ (แต่ส่วนมากทุกคนไม่ได้สนใจพิจารณาร่างกาย) การปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนในวัยเหล่านี้​ เวลาไข้ลดลง บางคนก็ออกเม็ดออกผื่นแดงๆ​ มีเลือดไหลซึม​ออก (ขอโทษที่ทางการแพทย์เรียกว่า​ เป็นโรคไข้เลือดออก)​ แล้วไปโทษว่ายุงลายกัด​ ทำให้เป็นโรคไข้เลือดออก แต่ที่จริงการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนนั้น​ เกิดจากที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทปรับสภาพไปตามวัย​ บางคนพอไข้ลดลงก็สูงตัวใหญ่ขึ้น​ บางคนจากอ้วนก็ผอมลงกลายเป็นคนหุ่นดี.. ฯ

ส่วนคนสมัยเมื่อสี่สิบห้าปีที่ผ่านมานั้น​ ผู้ที่มีอายุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป​ เวลาปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็ไม่ได้ไปหาคุณหมอ​แผนปัจจุบัน เพราะการแพทย์ยังไม่เจริญคุณหมอก็ยังมีน้อย​ ยาแผนปัจจุบันก็ยังไม่ดีพอในการรักษาโรคภัย​ อยู่บ้านนอกก็เดินทางลำบากเข้าตัวเมืองไปหาหมอ เวลาไม่สบายปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็หาสมุนไพรมาต้มดื่มกินก็หาย​ แต่บางคนอายุสี่สิบห้าสิบขึ้นไปปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนแล้วกลายเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตก็มี​ คนสมัยนั้นไม่รู้หรอกเรื่องโรคระบบหลอดเลือดแตก, ตีบ, ตัน,ในสมองทำให้เป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต เวลาเป็นแล้วก็รักษากันไปตามวิถีของชีวิต​ รักษาหายเป็นปกติได้บัาง​ รักษาพอเดินได้บ้างก็มี​ รักษาไม่หายตายไปก็มี​ รักษานอนอยู่กับที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หลายๆ​ ปีแล้วตายก็มี.. ฯ

เมื่อพิจารณาแล้ว​ จึงเห็นว่า​ สาเหตุที่คนวัยสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป​ มีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนนั้น​ สาเหตุมาจากการที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทเริ่มเสื่อมสภาพ​ลง ซึ่งต่างจากระบบเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นของวัยเด็กมาถึงวัยหนุ่มสาวที่มีแต่การพัฒนาตัวเองขึ้น

แต่ระบบเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นของคนวัยสี่สิบห้าสิบปีขึ้นนั้น​ เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นมีแต่การเริ่มเสื่อมสภาพลง​ เนื้อหนังเริ่มเหี่ยวย่น​ ไขมันในเส้นเลือดเริ่มอุดตัน​ เริ่มแห้งตีบติดตามกระดูกและข้อ​ บางก็จับกันเป็นแผ่นเป็นก้อนแข็งๆ​บ้าง​ นิ่มๆ​บ้าง​ เป็นแผ่นเป็นก้อนใหญ่บ้างๆ​ เป็นแผ่นเป็นก้อนเล็กๆ​ บ้าง​ ​(ที่คุณหมอเรียกว่าก้อนมะเร็ง)​ จึงทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก​ ทำให้มีอาการเจ็บปวดตามจุดต่างๆ​ ที่เป็นแผ่นเป็นก้อนมากเลือดไหลเวียนไม่ได้​ มีอาการเวียนหน้าๆ​ มืดบ้าง​ มีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนบ้าง​ มีอาการหนาวๆ​ ร้อนๆ​ มีอารมณ์แปรปรวนบ้าง​ (ที่คุณหมอเรียกว่าวัยทอง)​ หรือบางท่านปวดหัวหนักๆ​ ก็ถึงเส้นเลือดแตก, ตีบ, ตันในสมอง​ ทำให้เป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต (ในสมัยนี้คุณหมอจะผ่าตัดสมองรักษา)​ คนที่ผ่าตัดสมองรักษาบางท่านก็ดีขึ้น​ แต่บางท่านก็ไม่ดีขึ้น​เป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตนอนติดเตียงก็มี.. ฯ


แต่คนเราในสมัยนี้พอมีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็รีบไปหาคุณหมอ​ เพราะสมัยนี้การแพทย์มีความเจริญขึ้นมาก​ การเดินทางก็สะดวกสบายมีรถวิ่งมากมาย​ ยาแผนปัจจุบันก็มีแต่ดีๆ​ บางคนกินยาแล้วก็หายเร็ว​ บางคนก็หลายวันจึงค่อยๆ​ หาย​ แต่บางคนแม้จะอยู่ในยุคสมัยการแพทย์เจริญรุ่งเรืองมีผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคภัยมาก​ มีคลีนิคดีๆ​ มียาดีๆ​ กิน​ คนที่ปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนรักษาไม่หายก็มี​ เป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตก็มี เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตแล้ว​รักษาหายได้เป็นปกติก็มี​ รักษาหายได้เป็นบางส่วนก็มี​ รักษาแล้วไม่หายนอนติดเตียงอยู่ก็มี​ ที่ผมพูดมานี้​ เพราะผมประสบพบเจอมากับตัวผมเองมาตั้งแต่สมัยเมื่อสี่สิบปีที่ผ่านมา​ ครั้งนั้นผมเป็นก็รักษาอยู่ร่วมสองปี​ จึงรักษาหายด้วยสมุนไพร​ เพราะสมัยสี่ปีที่ผ่านมาการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีไม่มาก และก็มาเห็นครั้งในสมัยนี้​ ที่ผมเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตอีกครั้ง​ แม้จะอยู่ในสมัยการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านรักษาโรคภัยมาก​ มียาดีๆ​ กิน​ มีเคร่่องมือการแพทย์ดีๆ​ ทันสมัยก็รักษา​ แต่ผู้ที่ปวดหัว​เป็นไข้คัวร้อน​ เป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตแล้วรักษาหายก็มี​ ไม่หายก็มี​นี้คือที่ผมรู้ผมเห็นในสมัยนี้​ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากสมัยเมื่อสมัยสี่สิบห้าปีที่ผ่านมาเลย แต่ที่แตกมากก็คือ​ ค่ายา​และค่ารักษา.

สมัยสี่สิบห้าสิบที่ผ่านมานั้น​ ผมเห็นเด็กๆ​ รุ่นน้องผม​ มาถึงอายุ​ 20​ กว่าหน่อยๆรุ่นเดียวกับผม​ หลายคนที่ปวดหัวเป็นไข้แล้วยืดตัวออก​ผอมบ้าง​ อ้วนบ้าง​ และตัวโตสูงขึ้น ส่วนมากอายุหว่าง12-15.16 ปี​ แต่บางคนก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตบางส่วนที่แขนบ้าง​ ที่ขาบ้้าง​ รักษาหายได้เป็นปกติ​บ้างด้วยการดื่มสมุนไพรและการอบด้วยสมุนไพร​ แต่บางคนก็ไม่หายพิการแขน, ขาปากบิดเบี้ยวก็มี

แต่สมัยนั้นคนอายุ​สี่สิบห้าสิบปีขึ้นไปเวลาปวดหัวเป็นไข้ไปพบหมอ​กินยาหายก็มี แต่คนที่ไม่ได้ไปพบหมอหายเองได้ก็มี​ บางคนไปหาหมอกลับมาเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต​ ก็มี

จากประสบการณ์ที่ผมเจอกับ"วิบากกรรม" กับตัวเองเจ็บป่วยมาหลายครั้ง​ (เป็นอัมพฤก​ อัมพาตสองครุัง)​ และเคยเห็นบุคคลอื่นๆ​ มาพอสมควร​ จึงพอรู้ถึงสาเหตุของการปวดหัวเป็นไข้ว่า คนอายุุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไปนั้น​เกิดจากเนื้อหนังไขมันในเส้นเลือดเส้นเอ็นเริ่มเสื่อมสภาพแห้งตีบอุดตันตามเส้นเลือดตามกระดูก​ ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก​ ทำให้มีอาการปวดหัวเป็นไข้​ เวียนหน้าๆมืด มีอาการหนาวๆ​ ร้อนๆ​ อารมณ์แปรปรวน​ (ที่คุณหมอเรียกว่าเข้าสู่วัยทอง)


นี้คือ​ "วิบากกรรม" ของผมครั้งแรก คือตื่นนอนขึ้นมาแล้วเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาต และ "วิบากกรรม" ครั้งที่5​ ผมก็ประสบกับการเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตอีกครั้ง​ ความเจ็บป่วยมา4-5​ ครั้ง​ ครั้งที่5​ จึงทำให้ผมได้ความรู้จากความเจ็บของร่างกายตัวเองมารักษาตนเอง​ และทำให้ผมรู้ว่า​ เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเส้นเอ็นเส้นประสาทที่เสื่อมสภาพแล้วหลายๆ​ ปีฟื้นตัวได้​ แต่การฟื้นตัวของเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทนั้น​ ก็จะพบกับความเจ็บปวดหลายๆ​ อย่าง​ หลายๆ​ โรคในร่างกายตาม​มาวันหนึ่งๆ​ อาจจะเห็นหลายๆ​ อย่าง​ หลายๆ​ โรคเกิดขึ้นในร่างกายแต่ก็จะเอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้


ซึ่งไม่เหมือนกับที่เส้นทางชีวิตของคนเราที่มีร่างกายที่แข็งแรงดำเนินชีวิตไปเบื้องหน้า​ เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทเริ่มเสื่อมสภาพ​ลงร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน​ โรคภัยก็แทรกซ่อนมาก ร่างกายเปลี่ยรแปลงให้​เช่น​ อ้วนลงพุงบ้าง​ ลำตัว​ แขน​ ขา​ มือ​ เท้าเหี่ยวแห้งบ้าง​ อ้วนลงพุงบ้าง​ หน้าตาเหี่ยวย่นบ้าง.. ฯ​ แต่คนราก็ยังไม่พิจารณาร่างกายตนเอง​ ทั้งที่เห็นทั้งรู้​ในตนเอง

แต่การฟื้นตัวของเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทนั้น​ เป็นปรับสภาพจากเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทที่เหี่ยวแห้ง​ ที่เสื่อมโทรมให้กลับคือมามีผิวพรรมที่ดี​ ทำให้เลือดลมไหลเวียนในร่างได้ดี​ ถึงจะพบกับความความเจ็บต่างๆ​ แต่ก็เป็นการเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายดีขึ้น​ ซึ่งต่างกับความเจ็บปวดของผู้ดำเนินชีวิตไปเบื้องหน้าในแต่ละวันแล้วประสบความเจ็บปวดต่างๆ​ เป็นการเจ็บที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทในร่างกายทรุมโทรมลง

วันนี้ร่างกายท่านยังดี​ ยังเดินไปไหนมาไหนได้​ มาพิจารณาศึกษาร่างกายด้วยกันนะครับ​ แล้วท่านจะเห็นว่าเส้นเลือดเอ็นเส้นประสาทฟื้นตัวอีกครั้งจะพบความเจ็บอย่างไร และท่านจะพบเห็นความสุขความทุกข์อย่างไรในตัวท่าน​

ถ้าท่านกล้าที่จะปฏิบัติศึกษาร่างกาย​ ท่านก็จะได้ความรู้รักษาตัวเอง​ และรักษาคนอื่นได้​ สอนคนอื่นๆ​ ได้​ เป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้.

ท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่าอ่านมาจนจบ ผมขอกราบขอบพระคุณครับ

(นายประมวล​ บุญทศ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น