ชีวิตธรรมดา กายคตาสติ
(เพราะความเจ็บจึงทำให้ได้ความรู้รักษาตัวเอง และได้พบพระธรรม นำพาให้พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์)
" วิบากกรรม" ครั้งที่1
ปีพศ.2518 ผมอายุ14 ปี วันนั้นปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อน ตอนเย็นกินยาทัมใจ-ปวดหายแล้วนอน ตอนเช้าตื่นนอนมาลุกเดินไม่ได้กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต.รักษาอยู่ร่วม 2 ปีจึงหายมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม.
" วิบากกรรม"ครั้งที่2
ปีพศ.2533 ผมอายุ29 ปีได้รับอุบัติบางอย่างหมดสติมาฟื้นที่รพ. ประจำจังหวัด ออกจากรพ.มา ขาไม่มีแรงข้างหนึ่งกระดกข้อเท้าและนิ้วเท้าไม่ได้ ต่อมาอีกยี่สิบกว่าปี (ปีพศ.2557) กระดกข้อเท้าและนี้วเท้าได้ขากลับมามีแรงอีกครั้ง
(เส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทในร่างกายที่เสื่อมสภาพมายี่สิบกว่าปีฟื้นตัวได้ มีภาพและคลิปเป็นข้อมูลให้ศึกษา)
" วิบากกรรม" ครั้งที่3.
ปีพศ.2538 โดนไฟฟ้าซ็อตจนหมดสติ
" วิบากกรรม" ครั้งที่4.
ปีพศ.2542 ผมอายุ 38 ปี หายใจเข้าออกมีอาการแน่นหน้าบ่อยครั้ง (เวลานอนๆ เกรน) เวลาแน่นหน้าอกก็ไปคลีนิคบ้าง และไปรพ.บ้าง คุณหมอก็ตรวจหาโรคไม่เจอ จนวันหนึ่งทำงานเสร็จพอดี แน่นหน้าอกอย่างแรง หายใจเข้าแล้วแต่หายใจออกไม่ได้ หมดสติคาที่ มาฟื้นอีกทีที่รพ. เอกชนบุรีรัมย์ สรุปนํ้่าท้วมปอดต้องเจาะปอดรักษานอนรักษาตัวอยู่รพ. ของรัฐเดือนกว่าๆ ร่างกายจึงดีขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นปกติ.
(ถ้าท่านหายใจเหนื่อยง่าย เหนื่อยหอบ มีอาแน่นหน้าอก หรือคุณหมอว่า เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกจากการผ่าตัดรักษา)
"วิบากกรรม" ครั้งที่5.
ปีพศ.2552 ผมอายุ48 ปี วันนั้นนั่งพักผ่อนอยู่ดีๆ ที่บ้าน อยู่ๆ ร่างกายซีกขวาบิดเกร็งไปทั้งซีก หมดสติคาที่ มาฟื้นอีกทีที่รพ. เอกชน สรุป เส้นเลือดฝอยแตกในสมองกลายอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกครั้ง (โชคดีไม่ได่ผ่าตัดสมอง นอนรอดูอาการอยู่ที่รพ.ประจำจังหวัด ร่วมอาทิตย์จึงได้ออกจากรพ.) รักษาตัวอยู่รวมสองปี ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทยจนหมดเงินค่ารักษา หมดเงินค่ายา หมดเงินทุนประกอยอาชีพ เป็นหนี้สิน นำพาครอบครัวลำบาก จึงต้องขายทรัพย์ที่มีใช้หนี้
ต่อมาปีพศ.2554 จึงได้พบวิธีรักษาตัวเอง
คนเราเกิดมามีบุญกรรมติดตัวมาที่ต่างกัน ผมมี"กรรม" ติดตัวมาแต่ชาติก่อนมาก ชาตินี้เส้นทางชีวิตจึงได้ประสบกับ"วิบากกรรม" คือความเจ็บป่วยหนักๆ สี่ห้่าครั้ง และแต่ละครั้งก็เหมือนตายแล้วฟื้นมาอีก เพราะเหตุแห่งความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ครั้งที่5 ผมจึงได้ความร้ ูจากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในร่างกายตัวเองรักษาตนเอง. เพราะเหตุแห่งความเจ็บที่เกิดขึ้นแล้ว จึงทำให้ผมรู้ว่า เส้นประสาทที่เสื่อมสภาพมา20 กว่าปีฟื้นตัวได้. และเพราะเหตุแห่งความเจ็บที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผมได้พบพระธรรมคำสอนอันประเสริฐของพระศาสดา นำพาให้พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์ ผมฝากอ่านต่อด้วยนะครับ บางทีอาจจะมีประโยชน์กับท่านหรือคนที่ท่านรู้จักได้บ้าง.
=========================================================================
วิบากกรรมครั้งที่1
ปีพศ2518 ผมอายุ14 ปี (ผมเกิด2504) วันหนึ่งผมปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อน ตอนเย็นผมกินยาทัมใจ ปวดหายในครั้งนั้น กินยาเสร็จก็นอนทั้งคืนก็มีไม่อาการใดๆ
ตื่นเช้ามาผมลุกเดินไม่ได้แข้งขาไม่มีแรงอุจจาระ ปัสสาวะแตกไม่รู้ตัว
สรุปผมกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต สมัยนั้นการรักษากับทางการแพทย์ก็ลำบาก การแพทย์ก็ยังไม่เจริญ คุณหมอมีอยู่น้อย การจะเดินทางไปรักษากับคุณหมอในตัวเมือง อยู่บ้านนอกเดินทางก็ลำบาก รถก็ไม่ค่อยมีวิ่งมาก
พ่อของผมจึงได้รักษาผมด้วยการนอนอบสมุนไพร และต้มสมุนไพรให้ผมดื่ม ผมเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตอยู่ร่วมสองปี ผมจึงหายมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิมอีกครั้ง.
ผมขอฝากไว้เป็นข้อคิด ตั้งแต่วัยเด็กไปถึงวัยอายุ20 ปี การปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนส่วนมากจะเกิดจากการที่ร่างกายปรับสภาพยืดตัวของเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นที่พัฒนาตัวเองจากวัยทารกไปสู่วัยเด็กเล็ก จากวัยเด็กเล็กไปสู่วัยประถม จากวัยเด็กประถมไปสู่วัยเด็กโต และเจริญเติบโตไปสู่วัยหนุ่มสาว (แต่ส่วนมากทุกคนไม่ได้สนใจพิจารณาร่างกาย) การปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนในวัยเหล่านี้ เวลาไข้ลดลง บางคนก็ออกเม็ดออกผื่นแดงๆ มีเลือดไหลซึมออก (ขอโทษที่ทางการแพทย์เรียกว่า เป็นโรคไข้เลือดออก) แล้วไปโทษว่ายุงลายกัด ทำให้เป็นโรคไข้เลือดออก แต่ที่จริงการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนนั้น เกิดจากที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทปรับสภาพไปตามวัย บางคนพอไข้ลดลงก็สูงตัวใหญ่ขึ้น บางคนจากอ้วนก็ผอมลงกลายเป็นคนหุ่นดี.. ฯ
ส่วนคนสมัยเมื่อสี่สิบห้าปีที่ผ่านมานั้น ผู้ที่มีอายุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป เวลาปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็ไม่ได้ไปหาคุณหมอแผนปัจจุบัน เพราะการแพทย์ยังไม่เจริญคุณหมอก็ยังมีน้อย ยาแผนปัจจุบันก็ยังไม่ดีพอในการรักษาโรคภัย อยู่บ้านนอกก็เดินทางลำบากเข้าตัวเมืองไปหาหมอ เวลาไม่สบายปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็หาสมุนไพรมาต้มดื่มกินก็หาย แต่บางคนอายุสี่สิบห้าสิบขึ้นไปปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนแล้วกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตก็มี คนสมัยนั้นไม่รู้หรอกเรื่องโรคระบบหลอดเลือดแตก, ตีบ, ตัน,ในสมองทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เวลาเป็นแล้วก็รักษากันไปตามวิถีของชีวิต รักษาหายเป็นปกติได้บัาง รักษาพอเดินได้บ้างก็มี รักษาไม่หายตายไปก็มี รักษานอนอยู่กับที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หลายๆ ปีแล้วตายก็มี.. ฯ
เมื่อพิจารณาแล้ว จึงเห็นว่า สาเหตุที่คนวัยสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป มีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนนั้น สาเหตุมาจากการที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทเริ่มเสื่อมสภาพลง ซึ่งต่างจากระบบเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นของวัยเด็กมาถึงวัยหนุ่มสาวที่มีแต่การพัฒนาตัวเองขึ้น
แต่ระบบเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นของคนวัยสี่สิบห้าสิบปีขึ้นนั้น เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นมีแต่การเริ่มเสื่อมสภาพลง เนื้อหนังเริ่มเหี่ยวย่น ไขมันในเส้นเลือดเริ่มอุดตัน เริ่มแห้งตีบติดตามกระดูกและข้อ บางก็จับกันเป็นแผ่นเป็นก้อนแข็งๆบ้าง นิ่มๆบ้าง เป็นแผ่นเป็นก้อนใหญ่บ้างๆ เป็นแผ่นเป็นก้อนเล็กๆ บ้าง (ที่คุณหมอเรียกว่าก้อนมะเร็ง) จึงทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้มีอาการเจ็บปวดตามจุดต่างๆ ที่เป็นแผ่นเป็นก้อนมากเลือดไหลเวียนไม่ได้ มีอาการเวียนหน้าๆ มืดบ้าง มีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนบ้าง มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ มีอารมณ์แปรปรวนบ้าง (ที่คุณหมอเรียกว่าวัยทอง) หรือบางท่านปวดหัวหนักๆ ก็ถึงเส้นเลือดแตก, ตีบ, ตันในสมอง ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต (ในสมัยนี้คุณหมอจะผ่าตัดสมองรักษา) คนที่ผ่าตัดสมองรักษาบางท่านก็ดีขึ้น แต่บางท่านก็ไม่ดีขึ้นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตนอนติดเตียงก็มี.. ฯ
แต่คนเราในสมัยนี้พอมีอาการปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนก็รีบไปหาคุณหมอ เพราะสมัยนี้การแพทย์มีความเจริญขึ้นมาก การเดินทางก็สะดวกสบายมีรถวิ่งมากมาย ยาแผนปัจจุบันก็มีแต่ดีๆ บางคนกินยาแล้วก็หายเร็ว บางคนก็หลายวันจึงค่อยๆ หาย แต่บางคนแม้จะอยู่ในยุคสมัยการแพทย์เจริญรุ่งเรืองมีผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคภัยมาก มีคลีนิคดีๆ มียาดีๆ กิน คนที่ปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนรักษาไม่หายก็มี เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตก็มี เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตแล้วรักษาหายได้เป็นปกติก็มี รักษาหายได้เป็นบางส่วนก็มี รักษาแล้วไม่หายนอนติดเตียงอยู่ก็มี ที่ผมพูดมานี้ เพราะผมประสบพบเจอมากับตัวผมเองมาตั้งแต่สมัยเมื่อสี่สิบปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นผมเป็นก็รักษาอยู่ร่วมสองปี จึงรักษาหายด้วยสมุนไพร เพราะสมัยสี่ปีที่ผ่านมาการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีไม่มาก และก็มาเห็นครั้งในสมัยนี้ ที่ผมเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกครั้ง แม้จะอยู่ในสมัยการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านรักษาโรคภัยมาก มียาดีๆ กิน มีเคร่่องมือการแพทย์ดีๆ ทันสมัยก็รักษา แต่ผู้ที่ปวดหัวเป็นไข้คัวร้อน เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตแล้วรักษาหายก็มี ไม่หายก็มีนี้คือที่ผมรู้ผมเห็นในสมัยนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากสมัยเมื่อสมัยสี่สิบห้าปีที่ผ่านมาเลย แต่ที่แตกมากก็คือ ค่ายาและค่ารักษา.
สมัยสี่สิบห้าสิบที่ผ่านมานั้น ผมเห็นเด็กๆ รุ่นน้องผม มาถึงอายุ 20 กว่าหน่อยๆรุ่นเดียวกับผม หลายคนที่ปวดหัวเป็นไข้แล้วยืดตัวออกผอมบ้าง อ้วนบ้าง และตัวโตสูงขึ้น ส่วนมากอายุหว่าง12-15.16 ปี แต่บางคนก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตบางส่วนที่แขนบ้าง ที่ขาบ้้าง รักษาหายได้เป็นปกติบ้างด้วยการดื่มสมุนไพรและการอบด้วยสมุนไพร แต่บางคนก็ไม่หายพิการแขน, ขาปากบิดเบี้ยวก็มี
แต่สมัยนั้นคนอายุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไปเวลาปวดหัวเป็นไข้ไปพบหมอกินยาหายก็มี แต่คนที่ไม่ได้ไปพบหมอหายเองได้ก็มี บางคนไปหาหมอกลับมาเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ก็มี
จากประสบการณ์ที่ผมเจอกับ"วิบากกรรม" กับตัวเองเจ็บป่วยมาหลายครั้ง (เป็นอัมพฤก อัมพาตสองครุัง) และเคยเห็นบุคคลอื่นๆ มาพอสมควร จึงพอรู้ถึงสาเหตุของการปวดหัวเป็นไข้ว่า คนอายุุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไปนั้นเกิดจากเนื้อหนังไขมันในเส้นเลือดเส้นเอ็นเริ่มเสื่อมสภาพแห้งตีบอุดตันตามเส้นเลือดตามกระดูก ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้มีอาการปวดหัวเป็นไข้ เวียนหน้าๆมืด มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ อารมณ์แปรปรวน (ที่คุณหมอเรียกว่าเข้าสู่วัยทอง)
นี้คือ "วิบากกรรม" ของผมครั้งแรก คือตื่นนอนขึ้นมาแล้วเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และ "วิบากกรรม" ครั้งที่5 ผมก็ประสบกับการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกครั้ง ความเจ็บป่วยมา4-5 ครั้ง ครั้งที่5 จึงทำให้ผมได้ความรู้จากความเจ็บของร่างกายตัวเองมารักษาตนเอง และทำให้ผมรู้ว่า เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเส้นเอ็นเส้นประสาทที่เสื่อมสภาพแล้วหลายๆ ปีฟื้นตัวได้ แต่การฟื้นตัวของเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทนั้น ก็จะพบกับความเจ็บปวดหลายๆ อย่าง หลายๆ โรคในร่างกายตามมาวันหนึ่งๆ อาจจะเห็นหลายๆ อย่าง หลายๆ โรคเกิดขึ้นในร่างกายแต่ก็จะเอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้
ซึ่งไม่เหมือนกับที่เส้นทางชีวิตของคนเราที่มีร่างกายที่แข็งแรงดำเนินชีวิตไปเบื้องหน้า เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทเริ่มเสื่อมสภาพลงร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน โรคภัยก็แทรกซ่อนมาก ร่างกายเปลี่ยรแปลงให้เช่น อ้วนลงพุงบ้าง ลำตัว แขน ขา มือ เท้าเหี่ยวแห้งบ้าง อ้วนลงพุงบ้าง หน้าตาเหี่ยวย่นบ้าง.. ฯ แต่คนราก็ยังไม่พิจารณาร่างกายตนเอง ทั้งที่เห็นทั้งรู้ในตนเอง
แต่การฟื้นตัวของเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทนั้น เป็นปรับสภาพจากเนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทที่เหี่ยวแห้ง ที่เสื่อมโทรมให้กลับคือมามีผิวพรรมที่ดี ทำให้เลือดลมไหลเวียนในร่างได้ดี ถึงจะพบกับความความเจ็บต่างๆ แต่ก็เป็นการเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายดีขึ้น ซึ่งต่างกับความเจ็บปวดของผู้ดำเนินชีวิตไปเบื้องหน้าในแต่ละวันแล้วประสบความเจ็บปวดต่างๆ เป็นการเจ็บที่เนื้อหนังเส้นเลือดเส้นเอ็นเส้นประสาทในร่างกายทรุมโทรมลง
วันนี้ร่างกายท่านยังดี ยังเดินไปไหนมาไหนได้ มาพิจารณาศึกษาร่างกายด้วยกันนะครับ แล้วท่านจะเห็นว่าเส้นเลือดเอ็นเส้นประสาทฟื้นตัวอีกครั้งจะพบความเจ็บอย่างไร และท่านจะพบเห็นความสุขความทุกข์อย่างไรในตัวท่าน
ถ้าท่านกล้าที่จะปฏิบัติศึกษาร่างกาย ท่านก็จะได้ความรู้รักษาตัวเอง และรักษาคนอื่นได้ สอนคนอื่นๆ ได้ เป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้.
ท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่าอ่านมาจนจบ ผมขอกราบขอบพระคุณครับ
(นายประมวล บุญทศ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น