วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ใครรู้บ้าง…นิ้วมือของเรามีกล้ามเนื้อกี่มัด ?


นิ้วมือของเรามีกล้ามเนื้อกี่มัด ??? คำตอบที่น่าประหลาดใจก็คือ นิ้วของเราไม่มีกล้ามเนื้อเลย !!!

         

กล้าม เนื้อที่ควบคุมนิ้วมือของเราอยู่ที่แขนของเราทั้งหมด นิ้วมือของเราเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นเชิดที่ขยับตัวโดยการดึงเชือก แต่เชือกในที่นี้ก็คือเส้นเอ็นที่ควบคุมโดยกล้ามเนื้อปลายแขน

ถ้าลอง เคาะนิ้วดู จะเห็นผิวหนังตรงปลายแขนกระเพื่อม หรือวางมือลงบนโต๊ะราวกับว่ากำลังทำมือเลียนแบบแมงมุมที่เหยียดขาออก จากนั้นให้พับนิ้วกลางไว้ใต้มือ แล้วลองยกนิ้วที่เหลือไร่เรียงกันไปตามลำดับ จะพบว่าเราไม่สามารถยกนิ้วนางได้ เพราะว่าเส้นเอ็นในนิ้วแต่ละนิ้วของเรานั้นเป็นอิสระต่อกัน ยกเว้นก็แต่เส้นเอ็นที่ควบคุมนิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งทั้งสองนิ้วใช้ร่วมกันอยู่

จริงอยู่ที่นิ้วเรามีรีแทร็กเตอร์ ขนาดจิ๋วอยู่นับพัน (ซึ่งทำให้เราขนลุกหรือทำให้หลอดเลือดหดตัวลง) แต่มันไม่ใช่กล้ามเนื้อ มันจึงไม่ได้ทำให้นิ้วของเราเคลื่อนไหว

เรื่อง เล่ากันซ้ำๆจนดูเหมือนเป็นความจริงก็คือ ลิ้นคือกล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์

    อย่างแรก ลิ้นไม่ใช่กล้ามเนื้อเดี่ยว แต่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 16 มัดที่แยกออกจากกัน

    อย่างที่สอง เมื่อนำกล้ามเนื้อทั้งหมดมารวมกัน ก็ยังไม่ใช่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดอยู่ดี ไม่ว่าเราจะให้คำจำกัดความของความแข็งแรงว่าอะไรก็ตาม




สำหรับกล้าม เนื้อที่แข็งแรงที่สุด ถ้าไม่ใช่กล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุด อันได้แก่ กลูเตียสแม็กซีมัส (gluteus maximus) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ในสะโพก หรือควอดริเซ็บส์ (quadriceps) ที่อยู่หน้าต้นขา ก็ต้องเป็นกล้ามเนื้อที่ออกแรงกดไปที่วัตถุมากที่สุด ซึ่งก็คือกล้ามเนื้อขากรรไกรของเรานั่นเอง



อย่างไรก็ตาม บางทีกล้ามเนื้อ ที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบต่อน้ำหนัก น่าจะเป็นกล้ามเนื้อมดลูก มันมีน้ำหนักแค่ประมาณ 900 กรัม แต่ระหว่างคลอดลูก อาจมีแรงกดลงมากถึง 400 นิวตัน ซึ่งเท่ากับ 100 เท่าของแรงโน้มถ่วงโลก และเทียบเท่าแรงดีดของคันธนูขนาดใหญ่สมัยใหม่ที่ง้างออกเต็มที่


2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่อ่านจนจบหวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะคะมีบทความดีๆเยอะแยะเลยค่ะในบล็อกนี้ค่อยๆอ่านไปโดยเริ่มจากเมนูข้างบนนะคะในหน้าแรก

    ตอบลบ
  2. บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมองโดยตรงอยู่ที่ลิงค์นี้ค่ะ
    http://myfightforliving.blogspot.com/2017/12/blog-post_68.html

    ตอบลบ