เปรียบเทียบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์กับโรคโควิด-19
ในช่วงเวลา 40 ปีที่ผมได้ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ทั้งโลกมากกว่า 40 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อเอชไอวียังมีชีวิตอยู่ 35 ล้านคน คนไทยเสียชีวิตจากโรคเอดส์มากกว่า 6 แสนคน มีคนไทยติดเชื้อเอชไอวียังมีชีวิตอยู่ 4 แสนกว่าคน ยาต้านไวรัสเป็นตัวเปลี่ยนเกม จากเดิม 40 ปีก่อนไม่มียา ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 30 ขนาน ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีชีวิตยืนยาวเหมือนคนปกติ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสเอชไอวีก็ตาม
โรคโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มมีการระบาด จำนวนคนเสียชีวิตทั้งโลก 4.3 ล้านราย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสม 203 ล้านคน อัตราการเสียชีวิต คำนวณโดยจำนวนคนเสียชีวิต หารด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ เท่ากับร้อยละ 2.1 ตัวเลขนี้น่าจะสูงกว่าความเป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงในสหรัฐฯต้องคูณด้วย 4 ของประเทศอินเดียต้องคูณด้วย 28
ประเทศไทยรายงานผู้เสียชีวิต 6,204 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 756,505 คน อัตราตายร้อยละ 0.82 จำนวนผู้ติดเชื้อจริงในประเทศไทยน่าจะสูงกว่าตัวเลขที่รายงานประมาณ 8 เท่า (เราตรวจโควิดเชิงรุกน้อยกว่าประเทศอื่นมาก) เพราะฉะนั้นอัตราตายน่าจะลดลง 8 เท่าเหลือร้อยละ 0.1 ถ้าสมมุติทุกคนในประเทศไทย 70 ล้านคนติดเชื้อ จะมีคนเสียชีวิต 70,000 คน น้อยกว่าโรคเอดส์มาก ตัวเปลี่ยนเกมในการลดอัตราตายของโรคไวรัสโควิด คือวัคซีนไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ตาม สามารถลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 10 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน
ณ วันนี้ ยาต้านไวรัสโควิด-19 ยังมีประสิทธิภาพไม่ดีเหมือนยาต้านไวรัสเอชไอวีเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ถ้ามียาต้านไวรัสโควิดตัวใหม่ที่ดีเหมือนยารักษาไข้หวัดใหญ่ออกมาปีหน้า ตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตจะลดลงอีก
ส่วนตัวผมประเมินว่า ทุกๆ 1,000 คนที่คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด
-950 คน มีอาการเหมือนเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่ต้องทำอะไร เป็นเองหายเอง ส่วนใหญ่ไม่ได้มาหาแพทย์
-30 คน มีอาการไอ ไม่รุนแรง อาจลงปอดบ้าง ต้องมาพบแพทย์
-20 คน ต้องเข้านอนในรพ.
5 ใน 20 คนที่นอนรพ.มีอาการหนักมาก ย้ายเข้าห้องไอซียู
2 ใน 5 คนที่นอนไอซียู ใส่เครื่องช่วยหายใจ
1 ใน 2 คนที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ เสียชีวิต (ร้อยละ 0.1 ของผู้ติดเชื้อโควิดทั้งหมด)
คนไทยอย่ากังวล เครียดมากเกินไป ต้องยอมรับและเรียนรู้อยู่กับโรคโควิด ถึงแม้จะมีคนไข้ใหม่เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น