คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์ : คำเตือน “บิล เกตส์” ที่ไม่มีใครฟัง
“แทนที่จะผลิตนิวเคลียร์ หาวิธีป้องกันโรคระบาดจะดีกว่า” นี่คือคำเตือนจากมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ที่พร่ำเตือนชาวโลกมาอย่างต่อเนื่องหลายปี แต่ก็ไม่มีใครหยุดฟัง!!
ระหว่างเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2017 มหาเศรษฐีนักบุญออกมาเตือนผ่านสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดไปทั่วโลก ซึ่งไม่มีใครเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ โดยผลกระทบจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโรคร้าย จะสร้างความตื่นตระหนกและตกใจกลัวไปทั้งโลก ตอนนี้ยังพอมีเวลาให้เตรียมการ เพื่อหาทางรับมือกับหายนะใหม่ที่กำลังจะโจมตีโลก
“บิล เกตส์” ไม่ได้พูดกว้างๆจินตนาการไปเรื่อย แต่เขาระบุชัดเจนว่า สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ การคิดค้นหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งถ้าระดมสมองช่วยกันจริงๆใช้เวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำตอนนี้ยังมีเวลาพอที่จะเตรียมอาวุธให้ครบมือเพื่อพร้อมต่อสู้กับโรคระบาดครั้งต่อไป
ก็เพราะเล็งเห็นถึงหายนะร้ายแรงที่รออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หลายปีมานี้ “บิล เกตส์” จึงทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสนับสนุนการวิจัยและศึกษาด้านการแพทย์ โดยทันทีที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เขาไม่รอช้าที่จะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยต่อสู้กับไวรัสร้ายhttps://edition.cnn.com/2020/02/06/business/bill-melinda-gates-foundation-novel-coronavirus/index.html
ในการสัมภาษณ์กับซีบีเอส เมื่อปี 2017 มหาเศรษฐีวิสัยทัศน์ไกลยังเล่าถึงความพยายามในการพัฒนาวัคซีนที่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรสร้างความร่วมมือในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด โดยจับมือกับภาครัฐภาคเอกชนหลายแห่ง และทันทีที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน “บิล เกตส์” ก็ต่อสายตรงถึงบริษัทแกล็กโซ สมิธ ไคล์น หรือจีเอสเค ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมวัคซีนที่ใช้กับระบบสารเสริมฤทธิ์ประเภทต่างๆ เพื่อนำเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โดยเร็วที่สุด กระนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับข่าวดีใดๆ ว่าจะสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้าย
ในปี 2018 มหาเศรษฐีไมโครซอฟท์ออกโรงเตือนอีกครั้งระหว่างเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสมาคมการแพทย์รัฐแมสซาชูเสตต์ โดยชี้ว่าชาวโลกส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่กลับมีความคืบหน้าช้ามากในการเตรียมการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคใหม่ๆ มีความเสี่ยงอย่างมากที่พวกเราจะตกเป็นเหยื่อโจมตีของโรคระบาดในอนาคต ในทรรศนะของเขาแล้ว โลกทั้งโลกจำเป็นต้องตื่นตัวและเตรียมรับมือกับเชื้อร้ายที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งโลก เหมือนกับที่กองทัพต้องเตรียมตัวรับมือกับสงคราม ซึ่งหากเตรียมตัวไว้พร้อมสรรพ เมื่อเกิดการระบาดขึ้นจริง ชาวโลกจะได้ไม่แตกตื่นจนเกินไป
ย้อนกลับไปในปี 2016 “บิล เกตส์” ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีแสดงความวิตกว่า แม้โลกจะได้ชัยชนะในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในทวีปแอฟริกา เมื่อปี 2015 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลักหมื่น และจำกัดการระบาดอยู่เฉพาะในภูมิภาค แต่ครั้งหน้าเราจะไม่โชคดีเหมือนก่อน อาจมีไวรัสตัวใหม่ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผู้ติดเชื้อรู้สึกสบายดี และใช้ชีวิตเป็นปกติ ยังขึ้นเครื่องบินไปไหนต่อไหน ยังไปจ่ายตลาด แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีมันก็โจมตีอวัยวะต่างๆ ซะแล้ว
ในทศวรรษหน้าเขาเชื่อว่าแหล่งของไวรัสจะมาจากธรรมชาติ หรือมาจากการก่อการร้ายทางชีวภาพ ในตอนหนึ่งของการขึ้นเวที TED Talk เมื่อปี 2015 ในหัวข้อ “การระบาดครั้งต่อไป ไม่มีใครพร้อมหรอก” เขาทำนายไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ครึ่งทศวรรษก่อนว่า ถ้าจะมีอาวุธร้ายตัวใดที่สามารถฆ่าคนมากกว่า 10 ล้านคน ภายในเวลาไม่กี่สิบปี มันจะต้องเป็นไวรัสที่แพร่เชื้อติดต่อกันอย่างรวดเร็ว มากกว่าจะเป็นสงครามนิวเคลียร์
ตอนเป็นเด็กสิ่งที่พวกเรากลัวกันมากที่สุดคือสงครามนิวเคลียร์ แต่วันนี้หายนะร้ายที่น่ากลัวที่สุดของโลก กลับไม่ใช่นิวเคลียร์ แต่มันคือไวรัส!! เราลงทุนไปมากกับการยับยั้งอาวุธนิวเคลียร์ แต่ลงทุนน้อยมากกับการหาวิธียับยั้งการแพร่ระบาดของโรคสายพันธุ์ใหม่ๆ แม้แต่คนระดับเจ้า อย่างเช่น เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ของอังกฤษ และประมุขโมนาโก ก็ยังติดโควิด-19 นับประสาอะไรกับชาวบ้านตาดำๆอย่างพวกเรา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น