น้ำเย็นไม่ได้ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดตีบ
ความเชื่อเรื่องกินน้ำเย็นแล้วทำให้เป็นอันตรายอย่างนั้น อย่างนี้ พูดแย้งกี่ครั้ง ก็ไม่หายไปซะที แถมเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
อย่างข่าวนี้ บอกว่า การดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ จะทำร้ายเรา ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง แขนขาลีบได้ เกิดเส้นเลือดตีบที่สมอง !
ที่เป็นเช่นนั้น เค้าอ้างว่า เกิดจากการที่คนเรากินน้ำเย็นเข้าไป แล้วทำให้ "ไตและกระเพาะปัสสาวะต้องรีบกำจัดความเย็นออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว" มีการขับน้ำเย็นมากักเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ ต้องขับออกจนเกิดอาการขาดน้ำ เลือดข้นหนืด หลอดเลือดแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น มีของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูนกลายเป็น โรคหลอดเลือดตีบ ก็เพราะน้ำเย็นที่ทานเข้าไปเอง
โอ้โห... อะไรจะขนาดนั้นครับ ถ้ากินน้ำเย็นเป็นประจำ แล้วจะตายเพราะเป็นโรคหลอดเลือดตีบเนี่ย คนครึ่งโลก (โดยเฉพาะคนในประเทศเขตหนาว) คงตายกันไปหมดแล้ว !!
ยืนยันว่า น้ำเย็นมันไม่ได้อันตรายอะไรครับ เวลาที่เราดื่มน้ำเย็นเข้าไป ร่างกายจะปรับอุณหภูมิของน้ำให้เข้าสู่อุณหภูมิของร่างกายคือ ประมาณ 37.5 องศาเซลเซียส อย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆ ว่า เมื่อผ่านจากช่องปาก มาหลอดอาหาร มาจนอยู่ในกระเพาะอาหารเรียบร้อยแล้ว น้ำก็เป็นอุณหภูมิปรกติ .. อันนีเรียกว่าหลัก homeostasis
ส่วนไตกับกระเพาะปัสสาวะเนี่ย ถ้าคนเรียนชีววิทยามาซักหน่อย จะรู้เลยว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรโดยตรงกับน้ำเย็นที่เรากินเข้าไป เพราะการทำงานของไตนั้น จริงๆ คือการที่เลือดของเรา (ซึ่งมีอุณหภูมิปรกติ เสมอ) ไหลไปที่ไต แล้วไตทำการแยกน้ำในเลือดออกมา พร้อมๆ กับของเสีย (เช่น ยูเรีย) เพื่อส่งไปรวมที่กระเพาะปัสสาวะและขับออกไป ... น้ำเย็น จึงไม่ได้เกี่ยวกับการที่มีของเสียไปเกาะผนังหลอดเลือด หรือเป็นโรคหลอดเลือดตีบ
สรุปว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อล้วนๆ และไม่ได้ถูกต้องตามหลักชีววิทยาแต่อย่างไรครับ
-----
ความคิดเห็น
กินน้ำเย็นมาทั้งชีวิต สุขภาพแข็งแรง เวลาไปอออกำลังกาย พกน้ำเย็นมามีคนทัก บอกว่าน้ำเย็นไม่ควรดื่ม เซ็ง เลย ไม่อยากพูดกับคนบางคนที่เชื่ออะไรผิด ๆ บางคนขยันแชร์ หลังกินอาหารดื่มน้ำเย็นแล้วไขมันจะจับเป็นก้อนบ้างล่ะ พวกไม่รู้จริงนี้น่าเบื่อมาก คิดว่าแชร์แล้วได้บุญ บอกต่อ เฮ้อ
เอาน้ำเดือดกรอกปากไอ้คนปล่อยข่าวหลอก ได้ช่วยชำระล้างความเชื่อโง่ ๆ ออกจากตัว
อย่าว่าแต่น้ำเย็นเลย คลอดลูกเสร็จวันต่อมาเดินลงจากตึกไปซื้อเป็ปซี่เย็นจัดมาดื่มทันที อากาศร้อนมากใครจะไปดื่มน้ำร้อนไหว 😂😂😅😅 ทั้งพยาบาลทั้งคนที่มาเฝ้าผู้หญิงที่คลอดลูกมองกันตรึม
ไร้สาระจัง กินถั่วบ้างนะฮะ
CR:https://web.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/photos/a.220998438383217/234221207060940/?type=3&theater
=====================================================================
บทความไร้สาระที่มีหมออ่านแล้ว ไร้สาระตาม ทำให้ประชาชน ผู้ขี้เกียจศึกษาหาข้อมูล จึงเชื่อแบบผิด ๆ กว่าจะรู้ก็ อดดื่มน้ำเย็น ไปครึ่งชีวิต
น้ำเย็น กับปัญหาสุขภาพ (2)
บทความโดย : หมอนัท ดิอโรคยา
ไต ของเราคือเครื่องกรองน้ำอันน่าอัศจรรย์ที่ช่วยกรองของเสียจากเลือดของเรา ดึงเอาสิ่งสกปรกของเสียในเลือด ขับออกทางปัสสาวะได้อย่างไม่มีวันหยุด ปรับปรุงเลือด ที่มีแต่ของเสีย แล้วส่งต่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นอวัยวะที่ช่วยขับดันเลือด ให้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง แต่อวัยวะที่ทำงานให้กับเรา 24 ชั่วโมงแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีการบ่นใดๆ วันใดที่ไต อ่อนแอ ก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนกับเรา เช่น
1. ปัสสาวะบ่อย อั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ดื่มน้ำเข้าไปแล้วเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง กลางคืนต้องลุกขึ้นปัสสาวะหลายเที่ยว
2. มีอาการปวดเอว ปวดหลังอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ
3. ปวดเมื่อยตามข้อและร่างกายง่าย เช่น ตามข้อต่อ เข่า ต้นคอ
4. น้ำในเลือดเหลือน้อย จนทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบตันได้ง่าย
เมื่อมองในรูปของธรรมชาติบำบัด ด้วยเหตุของไตอ่อนแอนั้นจึงทำร่างกายของเรา(ธาตุดิน)อุ้มน้ำไว้ได้น้อยลง ร่างกาย(ธาตุดิน)จึงแข็งตึงปวดได้ง่าย หากจะแก้ไขก็ต้องเริ่มต้นที่การบำรุง ดูแลรักษาไตให้ดี มิเช่นนั้นไตก็จะเสื่อมไปตามวัย แต่ในปัจจุบันนั้นอาการน้ำในเลือดน้อยมิได้เกิดจากวัยที่ชราขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยมากเกิดจากการ ทานอาหารผิดประเภท จนทำให้เกิดโรคร้ายแรงทางเลือดและหลอดเลือดขึ้นได้
สัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบเจอคนไข้พี่น้องที่ทำให้ผมเศร้าใจ เพราะความประมาทในเรื่องอาหารการกิน ทั้งสองท่านเดินเข้ามาพบหมอด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่มีหนึ่งคนในนั้นซึ่งเป็นพี่สาว ที่ต้องใช้รถเข็น เข็นเข้ามาพบหมอเพราะร่างกายซีกซ้ายเริ่มจะอ่อนแรงลง ขาซ้ายยังพอมีแรงขยับบ้างแต่เดินยังไม่ได้ มือและแขนซ้ายไม่มีแรงเลย เธอเอาแขนขวาหยิบแขนซ้ายโชว์ให้ดู ผมจับดูกล้ามเนื้อแขนซ้ายเธอ ซึ่งก็เริ่มจะหายไปจนกลายเป็นเนื้อเหลวๆนิ่มๆ อ่านจากในสอบประวัติคนไข้ของพี่น้องทั้งสองคนก็มีพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันคือ ทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผักตั้งแต่เด็กๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำเย็น เป็นประจำตั้งแต่เด็ก ต้องน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็น น้ำไม่เย็นทานไม่เป็น เพิ่งจะเริ่มหันมาทานอาหารสุขภาพ ก็เมื่อพี่สาวมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีกซ้าย แต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมทานน้ำเย็นอยู่เนืองนิจ
ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้นร่างกายส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย มีแสงไฟแว๊บๆเวลากระพริบตา การพูดเริ่มติดขัด สุดท้ายมีอาการวูบกระทันหันต้องส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้งซีกซ้ายก็ขยับไม่ได้เสียแล้ว หมอบอกว่านี่คืออาการเส้นเลือดตีบที่สมอง ในวัยเพียง 40 ปีเท่านั้น แล้วจะโทษใครเสียได้ นอกจากตัวของเราเองที่มีพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพโดยเฉพาะการทานน้ำเย็นสม่ำเสมอ
การทานน้ำเย็นเจี๊ยบ เป็นประจำบั่นทอนสุขภาพของเราได้อย่างไร ?
ร่างกายของมนุษย์เราประกอบขึ้นจากธรรมชาติคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และ ธาตุไฟ
เมื่อกำลังของธาตุใดไม่สมดุลเช่น มีกำลังของธาตุมากเกินไป(กำเริบ) , น้อยเกินไป(หย่อน) หรือไม่ทำงาน(พิการ) จะทำให้เกิดโรคและอาการต่างๆ ในบทความนี้ขอพูดถึงธาตุไฟของร่างกายซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิด
1 ปริณามัคคี คือ ไฟ ช่วยย่อยอาหาร
2 สันตัปปัคคี คือ ไฟ ช่วยอบอุ่นกาย
3 ปริทัยหัคคี คือ ไฟเผา ให้ร้อนระส่ำระสาย
4 ชิรณัคคี คือ ไฟ เผา ให้แก่ชรา เหี่ยวแห้ง ทรุดโทรม
สมดุลของธาตุไฟทั้งสี่ จะมีกำลังมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ อายุ, ถิ่นที่อยู่อาศัย, ลักษณะอารมณ์, ลักษณะอาหารที่ทาน, เช่น
• เมื่ออายุยังน้อยปริณามัคคี(ไฟช่วยย่อยอาหาร) จะมีกำลังมาก กระบวนการเผาผลาญอาหารทำได้ดี โอกาสเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีได้น้อยกว่าผู้สูงอายุซึ่งมีกำลังของธาตุไฟนี้อ่อนลง
• การทานน้ำเย็น หรือ ทานน้ำมากเกินไปในช่วงเวลาย่อยอาหาร จะทำให้ปริณามัคคี(ไฟช่วยย่อยอาหาร) อ่อนกำลังลงเกิดอาการอาหารไม่ย่อย มีลมในลำไส้มาก
• ผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นที่อยู่ต่างกันก็จะมีสมดุลของธาตุทั้งสี่ต่างกันออกไป หากอาศัยในเขตหนาวเย็น สมดุลของสันตัปปัคคี(ธาตุไฟช่วยอบอุ่นกาย)จะมีกำลังมาก สามารถทนทานต่อความเย็นได้ดีกว่าผู้ที่อยู่ในเขตร้อน
• ผู้ที่มีอารมณ์ร้อน เคร่งเครียด จริงจังสม่ำเสมอ จะมีกำลังของปริทัยหัคคี(ไฟเผา ให้ร้อนระส่ำระสาย)มาก เกิดความร้อนผิวกายได้เร็ว อาบน้ำหรือพัดวีก็พอจะทุเลาได้บ้าง
• ชิรณัคคี(ธาตุไฟเผาทำให้แก่ชรา ทรุดโทรม)มีกำลังมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และธาตุไฟนี้จะมีกำลังมากขึ้นหากเราทานเนื้อสัตว์เป็นประจำ เห็นได้จากผู้ที่ทานมังสวิรัติโดยมากจะมีผิวพรรณผ่องใสอ่อนกว่าวัย
ประเทศไทยเป็นเขตร้อน หลายท่านจึงเลือกดื่มน้ำเย็นกว่าอุณหภูมิในถิ่นที่อยู่เป็นประจำ จึงทำให้“สันตัปปัคคี(ธาตุไฟช่วยอบอุ่นกาย)” มีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างผิดสมดุล
- หากใครทานน้ำเย็นบ่อยเกินไป ธาตุไฟอบอุ่นกาย(สันตัปปัคคี) จะมีกำลังมากขึ้นจนผิดสมดุล ทำให้ “ธาตุน้ำ” ในร่างกายถูกลดปริมาณลง (ธาตุไฟมีกำลังมากธาตุน้ำจะลดลง)
- น้ำที่ถูกขับออกมาจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะและทางเหงื่อมากเกินไป ทำให้เลือดข้นหนืด
- ธาตุดินที่ขาดน้ำจะมีลักษณะแห้งแข็ง สังเกตได้จากภายนอกคือ ผู้ที่ทานน้ำเย็นเป็นประจำ จะมีริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง แต่ผิวหน้ามันง่าย มีอาการปวดตึงตามข้อต่อและตามกล้ามเนื้อบ่อยๆ เมื่อโดนนวดก็จะร้องโอดโอยกัน เจ็บทั้งผู้ถูกนวดและผู้นวดเพราะตัวแข็งตึงไปหมด
เจ้าเลือดข้นหนืดนี่ล่ะครับ ที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะ ไตของเราต้องทำงานหนักเกินไป และทำให้หลอดเลือดของเราเริ่มแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น มีของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูนกลายเป็น โรคหลอดเลือดตีบ ก็เพราะพฤติกรรมทำลายสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะน้ำเย็นที่ทานเข้าไปเป็นประจำ เธอฟังแล้วหดหู่ใจ ตนเองแท้ๆที่ทำให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพกึ่งคนพิการ น้องสาวของเธอที่เข้ามาด้วยกัน สมทบอีกว่า มิน่าล่ะ โรคนี้เป็นทั้งบ้าน ที่บ้านเราชอบกินน้ำเย็นกันทุกคน คุณแม่ของเรา นอนเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้านเช่นกัน เหลือตัวดิฉัน กับพี่ชายอีกคนที่ต้องดูแล ไม่น่าเลยจริงๆ
หลังจากคนไข้ทั้งสองท่าน ผมก็เจอคนไข้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกันรวมถึงทานน้ำเย็นมากเกินไป จนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบอีกสองท่าน ภายในวันเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
หากใครที่ยังทานน้ำเย็น นมเย็น กาแฟเย็น น้ำอัดลม น้ำหวาน ชาเย็น น้ำผลไม้แช่เย็น อยู่เป็นกิจวัตร ผมต้องขอเตือนแรงๆว่า ให้รีบไปทำประกันโรคหลอดเลือดไว้ได้เลยเพราะมีโอกาสได้ใช้สูง วันละแก้วสองแก้วพอชื่นใจอย่าให้มากกว่านั้นเลยนะครับ
ผู้ใดเป็นเส้นเลือดในสมองตีบแล้วอย่าเพิ่งท้อแท้ ยังมีวิธีแก้ไขทางธรรมชาติบำบัด
1. ปรับปรุงหลอดเลือดที่แข็งตึงให้กลับมายืดหยุ่นได้ดี ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ ทานน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับ กระเทียม หรือ ขมิ้นชัน 1 แคปซูล ก่อนอาหาร เช้าและเย็น 20 นาที
2. ปรับเลือดที่ข้นหนืดให้หายข้นหนืดด้วยการเพิ่มน้ำเข้ากระแสเลือด ทานน้ำเปล่าให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อเติมน้ำกลับเข้าเลือด ทานยาน้ำตรีผลาหรือจตุผลาธิกะปรับธาตุน้ำให้เลือดของเราสามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ช่วงแรกต้องอดทนกับการปัสสาวะบ่อยเสียหน่อย
3. ทำให้เลือดไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำในท่าที่สามารถทำได้ หรือใช้การนวดเท้า นวดตัว กายภาพ อบสมุนไพร ฝังเข็ม ช่วยให้เลือดไหลเวียนสม่ำเสมอ
4. งดการทานน้ำเย็นเด็ดขาด
5. งดเนื้อสัตว์ใหญ่ เนื้อวัว หมู ของทอด ของหวานจัด เพราะทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระปริมาณมาก จนหลอดเลือดแข็งตีบตันได้ง่าย
เมื่อหลอดเลือดของเรากลับมายืดหยุ่นได้ดี มีน้ำในเลือดพอสมควรไม่เป็นภาระหนักของไต ไตก็จะกลับมาจัดการกับของเสียที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้ เลือดที่มีคุณภาพดีจะกลับเข้าซ่อมแซมเซลล์สมองหากสมองส่วนนั้นยังไม่ฝ่อจนใช้การไม่ได้ เราก็ยังมีโอกาสหายจากโรคเส้นเลือดตีบที่สมองได้ ที่สำคัญคือไม่ควรกลับไปใช้วิถีชีวิตที่ทำร้ายสุขภาพอีก
…...........................
ดิอโรคยาการแพทย์แผนไทย : 02-682-1215 ,085-108-5885 ,085-108-4664
"มาช่วยกันทำให้คนป่วยน้อยลง"
www.thearokaya.co.th
ที่มา : https://web.facebook.com/photo.php?fbid=726889070664835&set=pb.387283101292102.-2207520000.1398094219.&type=3&src=https%3A%2F%2Ffbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net%2Fhphotos-ak-prn2%2Ft1.0-9%2F1613985_726889070664835_1715601769_n.jpg&size=960%2C960
------------------------
โดยการนำเสนอข้างต้นนั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล
หากท่านมีข้อสงสัยประการใด กรุณาสอบถามทาง Inbox
ขอบคุณค่ะ
คนเขียนอ้างเป็นแพทย์ทางเลือก
เจอคนไข้เส้นเลือดในสมองตีบ "สองคน" ที่ชอบกินน้ำเย็น เขาจึงสรุปว่าแดกน้ำเย็นทำให้เส้นเลือดในสองตีบแหง
แต่คนไข้เส้นเลือดในสมองตีบนับหมื่นรายในไทย
ล้วนทานข้าวเป็นอาหารทุกคน แปลว่าข้าวทำให้เส้นเลือดในสมองตีบป่ะ?
จะอ่านบทความทางวิชาการมาทำ infographicมันต้องแยกแยะด้วย ใช่ว่าบทความแนวนี้จะเชื่อได้หมด ขนาดบทความบ้าๆอย่างให้กินทุเรียนรักษาเบาหวาน กินหมูสามชั้นรักษาไขมันในเลือดสูงยังมีเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น