/i>
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ตลอดกว่า 10 ปี ในการทำงานเสริมสุขภาวะร่วมกับภาคีเครือข่าย พบคนไทยต้องเผชิญภัยเงียบ
โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable
diseases) ที่มีสถิติผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่ง
และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP)
ปี 2552(สำรวจ 4 ปี/ครั้ง)
ไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคในกลุ่มนี้ถึง 14 ล้านคน
เสียชีวิตมากกว่า 3 แสนคน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด และมากกว่าครึ่งเสียชีวิตก่อนอายุ 60
ปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 2 แสนล้านบาท/ปี
“ข้อมูลองค์การอนามัยโลก
ระบุประชากรทั่วโลกเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs 63% และที่สำคัญเป็นประชากรในประเทศกำลังพัฒนาถึง
80% ขณะที่คนไทยเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคนี้สูงกว่าอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยของประชากรทั้งโลกถึง
10% และสูงกว่าทุกประเทศในโลก
และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่กลุ่มโรค NCDs เป็นโรคที่เกิดจากปัจจัยที่หลีกเลี่ยงและป้องกันได้”ทพ.กฤษดา กล่าว
ซึ่งโรคในกลุ่ม โรค NCDs ที่มีอัตราผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงสุด 6 โรค ได้แก่
1.
โรคเบาหวาน (Diabetes
Mellitus)
2.
โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ (Cardiovascular
& Cerebrovascular Diseases )
3.
โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
4.
โรคมะเร็ง (Cancer)
5.
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
6.
โรคอ้วนลงพุง (Obesity)ซึ่งเกิดจาก 6
ปัจจัยเสี่ยง คือ เหล้า บุหรี่ อาหาร (หวาน-มัน-เค็มจัด)
การออกกำลังกายไม่เพียงพอ ความเครียด และกรรมพันธุ์
สสส.จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.) สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) มหาวิทยาลัยมหิดล
ขับเคลื่อนการทำงานในรูปแบบ NCDs Network เชื่อมโยงข้อมูลการทำงาน
และแนวทางในการรณรงค์ ป้องกัน
ตลอดจนหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเหล่านี้
โดยเน้นที่การเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง
ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคได้ถึง 80%
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์
ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส. กล่าวว่า สสส.ได้นำประเด็นกลุ่มโรค NCDs มาเป็นประเด็นในการสื่อสารหลักประจำปี 2557 โดยเน้นเตือนภัย
“6-6-5” คือ 6 โรคที่มีผู้เสียชีวิตสูง
6 ปัจจัยเสี่ยงหลัก และ 5 แนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
คือ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เลี่ยงอาหารหวาน-มัน-เค็ม เพิ่มผักผลไม้
การออกกำลังกาย อย่างน้อย 30นาที/วัน (5ครั้ง/สัปดาห์) และอารมณ์ดี คิดบวก พักผ่อนให้เพียงพอ
โดยนอกจากการรณรงค์ร่วมกับภาคีเครือข่ายผ่านสื่อแขนงต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว
ได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณารณรงค์ชุด “Slow” เพื่อสื่อสารถึงพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวันที่ค่อยๆ
สะสมและนำไปสู่โรคในกลุ่มโรค NCDs ในอนาคต
รวมทั้งร่วมกับสถานีโทรทัศน์ Thai PBS ผลิตรายการ
ชีวิต |ลิขิต|โรค และ NCDs
Reality เพราะรักจึงยอมเปลี่ยนแปลง
โดยคัดเลือกอาสาสมัครที่มีความเสี่ยงมาปรับเปลี่ยนตัวเองด้านต่างๆ
นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย
นักวิจัยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การรณรงค์เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ถือเป็นความจำเป็นที่ในหลายประเทศให้ความสำคัญ
รวมทั้งการใช้มาตรการทางกฎหมายควบคู่ไปด้วย อาทิ การขึ้นภาษียาสูบ แอลกอฮอล์
อาหารในกลุ่มที่มีน้ำตาล/เกลือสูง อย่างไรก็ตาม สสส.ร่วมกับเครือข่ายวิชาการ
จัดทำแบบประเมินความเสี่ยงกลุ่มโรค NCDs
(NCDs Quiz) การตรวจหาความเสี่ยงด้วยตนเองเบื้องต้น
เพื่อช่วยให้ตนเองได้ทราบว่าควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใดบ้าง ที่ www.ncdsthailand.com
สามารถทำได้ ปีละครั้ง หรือ 6 เดือนครั้ง
หากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงมาก ซึ่ง กลุ่มโรค NCDs จะไม่มีสัญญาณใดๆ
เมื่อเริ่มมีสัญญาณหมายถึงเจ็บป่วยแล้ว หากผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองได้
ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดการใช้ยาลงได้
ศ.พญ.วรรณี นิธิยานันท์
อาจารย์ประจำสาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งพบผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พิจารณาจากอัตราน้ำหนักตัวของประชากรที่อยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐานมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่จะทำให้เกิดกลุ่มโรค NCDs ขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะเกิดโรค
โดยอาหารถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สามารถปรับโดยการลดหวาน มัน เค็ม
บริโภคให้ครบ 5 หมู่ และ ควรลดหรือเลิกดื่มเหล้า สูบบุหรี่
ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดหลายโรคเช่นกัน เพิ่มการออกกำลังกาย
และหากิจกรรมคลายเครียด ก็จะเป็นวิธีป้องกันกลุ่มโรค NCDs ได้อย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น