เมื่อเกิดความเครียด ร่ายกายจะโหยหาอาหารรสหวาน เพื่อตอบสนองกับความเครียด แถมยังกินโดยไม่มีสติ ขาดการยับยั้งชั่งใจ
แม้ว่าน้ำตาลช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น รู้สึกดีชั่วครั้งชั่วคราว แต่ในระยะยาวเป็นผลร้ายต่อสมอง โดยทำให้สมองทำงานหนักและเริ่มผิดปกติ
"ปกติแล้วร่างกายคนเรา จะมีกระบวนการกำจัดความเครียดที่มีประสิทธิภาพ แต่หากปล่อยให้ความเครียดสะสมเป็นเวลานาน ร่างกายจะเริ่มเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพตามมา" นพ.ภาณุวัฒน์ พุทธเจริญ แพทย์สถาบันการแพทย์ผสมผสานตรัยยา โรงพยาบาลปิยะเวท เกริ่นนำถึงภัยของความเครียด
ความเครียดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายนอก วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป การให้ความสำคัญกับการทำงานมากขึ้น ขณะที่พฤติกรรมง่ายๆ ในชีวิตที่เร่งด่วนกลับถูกละเลย เช่น ทำงานจนไม่หลับไม่นอน ขาดการออกกำลังกาย ไม่ใส่ใจในรายละเอียดของอาหาร ทำให้ร่างกายไม่ได้รับอาหารที่มีประโยชน์
"ทันทีที่ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดได้ไม่ดี ฮอร์โมนเครียดที่เกิดขึ้นทำให้กระบวนการเผาผลาญผิดปกติ อีกทั้งไปกดการทำงานของฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้ทำงานช้าลง แก่เร็ว กดฮอร์โมนเพศซึ่งผลก็คือมีลูกยาก ตลอดจนเกิดไขมันน้ำตาลสะสมเป็นโรคอ้วนตามมา" แพทย์ตรัยยา อธิบาย
แท้จริงแล้วความเครียดเป็นเรื่องที่จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกจิตใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มองรอบด้าน แทนที่จะปล่อยให้ความเครียดสะสมจนส่งผลกระทบต่อสมองระยะยาว เข้าขั้นต้องรับการรักษาด้วยการบำบัดจิต
การรับประทานอาหารมีส่วนสำคัญมาก เพราะถ้าได้รับสารอาหารที่ดีจะทำให้ร่างกายต้านทานกับความเครียดได้ดีขึ้น โดยหลักแล้วอาหารที่ช่วยให้ร่างกายต้านเครียดได้ คืออาหารที่ทำให้ร่างกายมีสมดุลของฮอร์โมน และมีการเผาผลาญที่ดี
อาหารคลายเครียด แบ่งเป็นหมวดหมู่ได้คล้ายกับอาหารหลัก 5 หมู่ เพียงแต่เน้นเป็นบางกลุ่ม โดยเฉพาะโปรตีน ซึ่งช่วยต้านความเครียดได้ดีที่สุด เพราะโปรตีนเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่จำเป็น ทำให้ร่างกายกำจัดความเครียดได้ดีขึ้น
"ฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สารสื่อประสาทในสมองทำงานได้อย่างคงที่ แต่ถ้าร่างกายขาดโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็น สมองอาจล้าและต้านทานความเครียดได้ไม่ดีเท่าที่ควร"
คุณหมออธิบาย และว่า แหล่งโปรตีนที่ดีต้องย่อยง่าย ดูดซึมได้เร็ว และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที เป็นโปรตีนที่ไม่มีพิษ เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่เนื้อแดง เช่น ปลา ไก่ และไข่ เสริมด้วยโปรตีนจากพืช เช่น เห็ด ถั่ว
อาหารอีกกลุ่มที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยให้กระบวนการทางเคมีในร่างกายคงที่ สามารถกำจัดความเครียดได้อย่างรวดเร็วในภาวะที่ร่างกายต้องเผชิญ แร่ธาตุเหล่านี้หาได้ในผักผลไม้สด เช่น น้ำผักผลไม้ปั่นรวม 1 แก้วต่อวัน และผักผลไม้สดอีกวันนะ 1 จาน ช่วยให้ร่างกายได้วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วนใน 1 วัน
ส่วนหมู่รองลงมา คาร์โบไฮเดรต แป้ง ต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพอ เพราะถ้าร่างกายก็จะขาดน้ำตาล สมองก็จะทำงานไม่ได้ ดังนั้น เวลามีความเครียดเกิดขึ้น สมองจะล้าง่าย เหนื่อยเร็ว คิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก อย่างไรก็ตาม ร่างกายที่ได้รับน้ำตาลมากเกินไป เวลาเผชิญความเครียดอาจทำให้เกิดอาการลนลาน ตื่นเต้นง่ายกว่าปกติ
การได้รับน้ำและไขมันอย่างเพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ทำงานงานยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ประสาท คือ เยื่อหุ้ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมัน
โดยรวมแล้วสูตรอาหารต้านเครียด จะต้องรับประทานโปรตีนไม่น้อยกว่า 30% เมื่อเทียบกับปริมาณแคลอรีที่ร่างกายควรจะได้รับในแต่ละวัน คาร์โบไฮเดรต 30-40% แร่ธาตุซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเส้นใยอาหารอีก 5% ไขมันที่ดีอีก 10-20% เช่น ไขมันจากปลา น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกพริมโรส สูตรอาหารดังกล่าวจะเห็นผล หากกินต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ อาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ ควรเลือกแหล่งที่มาที่หลากหลาย อีกทั้งสดใหม่ ไม่ผ่านกระบวนการถนอมอาหาร ซึ่งอาจสะสมเชื้อโรค และสารพิษที่ปนเปื้อนมาด้วย
อย่างไรก็ตาม คุณหมอมองว่า ความเครียดเป็นเรื่องของพฤติกรรม นอกจากอาหารแล้วการพักผ่อนที่เพียงพอในเวลาที่เหมาะสม การทำสมาธิ ฝึกการหายใจและออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายกายหลั่งสารเคมีที่ชื่อเอนดอร์ฟินหรือสารสุข ก็จะกำจัดความเครียดได้เร็ว
"แม้ว่าเราจะมีเรื่องเครียดเข้ามาทุกวัน แต่ถ้ามีวิธีจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการฝึกจิตใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มองรอบด้าน กินอาหารคลายเครียด จะช่วยให้ฝ่าฟันปัญหาและกำจัดความเครียดให้หมดไปได้ไม่ยาก" นพ.ภาณุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย ั
โดย : จุฑารัตน์ ทิพย์นำภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น