“อ้วนขึ้นนี่ ไปทำอะไรมา”
“อยู่ญี่ปุ่น ทานเยอะหรือ ถึงได้บวมขนาดนี้”
หนึ่งเดือนเต็มที่ฉันได้ยินประโยคเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
หนึ่งเดือนเต็มที่ฉันจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เข้าที่ได้ ยกเว้นหนึ่งเรื่องที่ไม่ว่าพยายามเท่าไร ก็ยิ่งดูห่างไกลความจริงออกไปทุกที
เรื่องนั้นก็คือ เรื่อง “น้ำหนัก”
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกว่า “จะเริ่มต้นใหม่”
ฉันลุกลงจากเตียง แล้วเดินลงมาข้างล่าง ทุกคนออกจากบ้านไปหมดแล้ว ฉันนั่งลงบนโซฟา บ้านในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างนี้ ช่างดูว่างเปล่าเหลือเกิน ฉันเดินมาที่โต๊ะ ไม่มีวี่แววของสิ่งใดๆตั้งอยู่ รู้ตัวอีกทีฉันก็เดินไปเปิดตู้เก็บของข้างๆตู้เย็นแล้ว
ตอนนี้มือของฉันกำลังเปิดบานประตูตู้ออก ในนั้นเต็มไปด้วยขนมปัง คุกกี้ และขนมที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เกตเมื่อคืน แล้วฉันก็เอื้อมมือเข้าไปหยิบพวกมันออกมา
“สักชิ้นแล้วกัน” ฉันคิดอย่างนั้น
แล้วค่อยหยิบขนมปังกรอบออกมาจากถุง และมือของฉันก็ยังหยิบมันขึ้นมาทานชิ้นแล้วชิ้นเล่า พร้อมกับคิดในใจสลับไปมาระหว่างคำว่า
“อีกชิ้นก็แล้วกัน” และ “ไม่เป็นไรน่า ยังเช้าอยู่”
นี่เป็นอีกวันหนึ่ง ซึ่งฉันเริ่มต้นเวลาเช้าอย่างนี้ และยังมีอีกหลายวันที่ฉันใช้เวลาช่วงกลางวัน บ่าย เย็น ค่ำ และดึก ในลักษณะเดียวกัน
นี่ฉันเป็นอะไรไปแล้ว ?!?
หลังจากกลับมาเมืองไทยคราวนี้ ดิฉันดูตัวบวมขึ้นจนผิดหูผิดตา เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ไม่มีปัญหา ก็กลายเป็นคับและอึดอัดไป หลายคนคิดว่าน้ำหนักฉันขึ้น เพราะอาหารการกินที่ญี่ปุ่นทำให้ฉันอดใจไม่ไหว
แต่ไม่มีใครรู้ว่า จริงๆแล้วน้ำหนักเพิ่งมาเพิ่ม ตอนที่ฉันกลับมาเมืองไทยแล้วต่างหาก !! และก็ยังดูท่าว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นทุกวัน !!!
ระยะหลังฉันจึงไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปไหน เพราะไม่อยากฟังสิ่งที่รู้ว่าจะต้องได้ยิน ฉันจะหมกตัวอยู่กับบ้าน ระดับความเครียดในแต่ละวันที่เดิมมีอยู่มากแล้ว ก็ยิ่งสะสมจนแทบระเบิด คราวนี้เลยต้องหันไปหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีได้รวดเร็วที่สุด นั่นก็คือ “การกิน” อีกครั้ง !!!
ความอ้วนทำให้ “ความรู้สึกดีต่อตัวเอง” ลดลงต่ำ และเมื่อ “ความรู้สึกดีต่อตัวเอง” ลดลงต่ำถึงระดับหนึ่ง “ความเครียด” จะเริ่มเข้ามาครอบงำ จนถอนตัวไม่ขึ้น
เมื่อนั้น “ความเครียด” จะบีบให้ร่างกายแสวงหาสิ่งที่ทำให้ลืม “ความรู้สึกแย่ๆ” ได้เร็วและง่ายที่สุด ซึ่งได้มาจาก “การกิน”
ดังนั้นปริมาณการกินเพื่อหวังว่าจะบรรเทาความเครียด จึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา ก็หนีไม่พ้น “ความอ้วน” นั่นเอง !!!
ชีวิตของฉันเริ่มต้น จบลง และวนเวียนลักษณะนี้มาได้หนึ่งเดือนเต็มแล้ว สาเหตุนี้ทำให้ “ฉัน” น้ำหนักขึ้นอย่างไม่มีหยุด !!!
“ความเครียดเพราะอ้วน” และ “ความอ้วนเพราะเครียด” เป็นสิ่งที่ก่อตัวขึ้นด้วยการมีอยู่ของกันและกัน และเกื้อหนุนกันและกันให้คงอยู่ได้ คล้ายกับเป็นวงจรของโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นในกลุ่มคนจำนวนมาก ในสภาพสังคมที่ทุกคนต้องดูดีและสมบูรณ์แบบ สังคมที่ “ความอ้วน” เป็นสิ่งน่ารังเกียจ เป็นสัญลักษณ์ของผู้แพ้ และผู้ที่ต้องผิดหวัง คนจำนวนมากจึงพยายามให้ตัวเองอยู่ห่างไกล “ความอ้วน” มากที่สุด
เห็นได้จากแทบทุกนาทีในชีวิต ที่เราต้องได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง และได้รับผลกระทบจากคำว่า “ความอ้วน” ทั้งจากคนรอบข้าง คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมา ป้ายโฆษณา หน้านิตยสาร หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่อทุกสิ่งที่นึกได้
เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็น “จุดด่าง” ของสังคม เราจึงต้องพยายามวิ่งหนีจากมันไปให้ไกลที่สุด และระหว่างทางนั้น ความรู้สึกเครียดและโกรธเกลียดตัวเอง ก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเรา ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด !!!
ตอนนี้สมองของฉันหนักอึ้ง ความโกรธโทษตัวเองที่อาศัยอยู่ข้างใน กำลังจะปะทุออก
วันนี้ฉันขอนั่งลงก่อน แล้วพยายามยกโทษให้ตัวเองอีกครั้ง ฉันรู้ว่าตัวเองทำพลาดไป แต่ก็ยังอยากให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง ฉันวางความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อตัวเองลง ด้วยความหวังว่าจะเริ่มต้นใหม่
ขอให้ทำสำเร็จด้วยเถิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น