วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สาเหตุที่มึงป่วยเพราะ...โง่

เพื่อนรักที่เป็นผู้บริหารที่กสิกรไทยแวะมาหา เป็นเพื่อนรุ่นน้องเคยบริหารห้างสรรพสินค้ามาด้วยกัน ไม่ได้เจอกันนานมากก็คุยกันอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ สักครู่เพื่อนบอกว่า พี่ผมมีเรื่องจะปรึกษา ผมเบื่อ ผมไม่อยากอยู่ ผมไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
อ้าว...เฮ้ย...ทำไมถึงคิดยังงี้วะ...?
เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่เก่งมากความเชื่อมั่นในตัวเองเกินร้อย
เป็นคนเก่งระดับที่บริษัทต่างๆไล่ล่าตัว แต่วันนี้ มันอยากตาย
ผมบอกมันว่า...มึงเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว...ลาออกจากงานด่วน ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ
ไปหาที่อยู่ใหม่ไปหาเพื่อนใหม่ ไปหาสภาพแวดล้อมใหม่ที่มึงชอบ ถึงจะแก้ปัญหาได้
พี่รู้ได้ยังไง...ว่าผมเป็นอะไร...?
กูนั่งมองสภาพงานมึงมา 10 กว่าปีแล้ว...กูรู้ว่า...วันหนึ่งจะต้องมีวันนี้...แต่กูไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้...

เพื่อนผมเป็น...คนคุมระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ทุกคน...ทุกแผนก...ทุกฝ่าย...ก็เอาปัญหามาประเคนให้ทุกวันปัญหากองท่วมหัว...ทำไม่ทัน.ขอคนเพิ่ม...ก็ไม่ได้...ขอเครื่องมือที่มันทันสมัยเพิ่ม...ก็ไม่ได้...กลับถูกด่า...หาว่าผลาญแต่เงิน...แก้ปัญหาให้ไม่ทันใจมัน...ทุกคนก็รุมด่า...รุมประณาม...เหยียดหยาม...ว่า...ไม่ได้เรื่อง...เฮงซวย...ไม่เอาอ่าว...ไม่มีฝีมือ...
ยิ่งตำแหน่งใหญ่ขึ้น...ความรับผิดชอบมากขึ้น...กว้างขึ้น...เสียงด่าก็ทวีจำนวนขึ้น...รุนแรงมากขึ้น...ลึกซึ้งและเจ็บปวดขึ้น...มันกระหน่ำด่าอย่างสาดเสียเทเสียมา 15 ปี...ติดต่อกัน

ความเก่ง...ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เคยมีเกินร้อย...
ค่อยๆหดหายไปทีละน้อยๆ...จนหมด...แล้วค่อยๆติดลบ...
จนในที่สุด...ขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง...
คิดว่ากูไม่ได้เรื่อง...กูไม่เอาอ่าว...กูไม่มีฝีมือ...กูเฮงซวย...กูไร้ค่า...
เพราะคำด่าเหล่านี้มันก้องอยู่ในหู...วันละ 24 ชม...ทุกวัน...
ติดต่อกันมา 15 ปีแล้ว...มันด่าจนตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่เขาด่า...คือคุณสมบัติของเรา...


มันพยายามรักษา...กินยาอยู่นาน...อาการขึ้นๆลงๆ...
กินยาเสร็จ...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เป็นอีก...
กินยาอีก...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เลวเหมือนเดิม...
รักษามานานวัน...นอกจากจากไม่หายแล้ว...อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ...
จนในที่สุดเบื่อชีวิต...เลยแวะมาหาผม...

ผมบอกว่า...การรักษาด้วยยา...เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ...มันไม่มีทางหาย...
เหตุที่ทำให้เกิดอาการป่วย...มันเกิดใหม่ทุกวัน...เกิดเพิ่มทุกวัน...
เราพยายามตักออก...พยายามตักทิ้ง...แต่ตักไม่ทัน...
ของเก่ายังตักทิ้งไม่หมด...ขยะใหม่เพิ่มเข้ามาอีกแล้ว...
แถมเพิ่มเยอะขึ้น...แล้วเพิ่มไม่หยุด...เพิ่มต่อเนื่องทุกวัน...

วิธีแก้ปัญหา...คือ...ต้องหยุดเพิ่มปัญหา...หยุดเพิ่มขยะ...เข้ามาในชีวิต...
พอหยุดการเพิ่มได้แล้ว...ขยะไม่ไหลเข้าได้แล้ว...
ก็รีบตักขยะเก่าออก...ให้เร็วที่สุด...
พอขยะออกหมดแล้ว...ร่างกายจิตใจปกติแล้ว...
ก็เติมภูมิต้านทานความเครียดเข้าไป...ด้วยการปฏิบัติธรรม...


ฟังคำแนะนำผมจบ...เพื่อนรีบไปลาออกจากงาน...
เดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ออสเตรเลีย 3 เดือน...
ขยะหมด...ร่างกายจิตใจดีขึ้นเป็นปกติ...
กลับมาเมืองไทย...ไปปฏิบัติธรรม...10 วัน...

ออกจากปฏิบัติธรรม...กลับมาขอบคุณผมที่บ้าน...หน้าตาสดชื่นมาก...
ผมก็ดีใจ...ที่ได้เพื่อนคนเดิมกลับมา...


พอเพื่อนกลับไปแล้ว...ผมก็กลับมานั่งคิดถึงตัวเอง...
ผมเขียนหนังสือไม่ได้มา 10 ปีแล้ว...
ผมเขียนหนังสือ 5 ปี...31 เล่ม...หลังจากนั้น...เขียนหนังสือไม่ได้อีกเลย...
เบื่อชีวิต...ซังกะตาย...ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น...
เงินก็ไม่เอา...ความสำเร็จก็ไม่เอา...ความท้าทายก็ไม่เอา...ไม่อยากมีชีวิตอยู่...
กูไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า...นี่กูเป็นอะไรวะ...?

อ้าว...นี่กูเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนมันเลยนี่หว่า...?
นี่ถ้าไม่ให้คำปรึกษามัน...ก็ไม่รู้นะเนี่ยว่า...กูก็ป่วย...
แล้วที่สำคัญ...มันรุนแรงมากถึงขนาดที่...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...


แล้วทำไมกูถึงซึมเศร้าวะเนี่ย...?
ทั้งๆที่...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...
ไปไหนมีคนเคารพ...กราบใหว้...เชื่อถือ...ศรัทธา...

ผมมาจาก...บ้านนอก...เด็กวัด...กำพร้า...ยากจนขนาดต้องแย่งหมากิน...
พอมาอยู่กรุงเทพ...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...
การดำเนินชีวิต...และสภาพแวดล้อม...มันเปลี่ยน...




ผมต้องพูด...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากพูด...
ผมต้องอยู่...ในสถานที่ที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...
ผมต้องกิน...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากกิน...
ผมต้องทำ...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากทำ...
ผมต้องคุย...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากคุยด้วย...
ผมต้องอยู่...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...
ผมต้องอยู่...ในสภาพแวดล้อมที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่
ผมต้องทนรับสภาพแบบนี้...10 ปีเต็มๆ...
โดยผมพยายามบอกตัวเองว่า...ผมกำลังพยายามปรับตัว...
แล้วผมก็เป็นโรคซึมเศร้า...โรคกลดไหลย้อน...โรคเครียด...โรคภูมิแพ้...และอีกหลายสิบโรค...ที่ยังหาสาเหตุไม่เจอ...
ตอนนี้แทบจะหยิบอะไรใส่ปากไม่ได้...แพ้หมดทุกอย่าง...
ตาบวม...ปากบวม...เป็นผื่น...จาม...คออักเสบ...ท้องเสีย...
ก็เริ่มทำการรักษา...หมดเงินไป...นับแสน...
วันหนึ่ง...อ่านบทสัมภาษณ์ของหมอ...ในหนังสือพิมพ์...
รู้เลยว่า...ตัวเองโง่...และเดินมาผิดทางเสียแล้ว...
ลองมาดูครับว่า...
คุณหมอให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร...?
อารมณ์คือตัวกำหนดสุขภาพ...
อวัยวะทั่วร่ายกาย...ทำงานประสานกับอารมณ์...
อารมณ์ดี...
ร่างกายจะหลั่งสารสุขออกมา...และเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย. ทำให้...ร่างกาย...ดี...สดชื่น...แจ่มใส...ผิวพรรณดี...แข็งแรง...ไม่เจ็บป่วย...ดูอ่อนกว่าวัย...
อารมณ์เสีย....
ร่างกายจะหลั่งสารพิษออกมา...
สารพิษจะไปทำลายภูมิต้านทาน...และทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย ทำให้ร่างกาย...เกิดโรค...ซึมเศร้า...เหี่ยวเฉา...ผิวพรรณเหี่ยวย่น...อ่อนแอ...ขี้โรค...ดูโทรม...และแก่กว่าวัย...
อารมณ์...ที่ทำให้เกิดโรค
โกรธ...โมโห...หงุดหงิด      เป็นโรค   ตับ
เก็บกด.เบื่อหน่ายซึมเศร้า.เจ้าน้ำตานั่งตัวงอ.     เป็นโรค ปอดกลัวหวาดระแวง        เป็นโรค     หัวใจ
วิตก..กังวล...เป็นทุกข์       เป็นโรค     ม้าม...


เครียด วิตกกังวล มีปัญหากดดันจิตใจ      อาการทางกาย...ที่เกิดตามมาคือ
·        หายใจลำบาก
·        หายใจติดขัด
·        หอบ  หายใจเร็ว หายใจลึก
หายใจไม่อิ่มหายใจไม่เต็มปอด...
ผลที่เกิดตามมาคือ
·        อากาศเข้าไปเลี้ยงสมองไม่พอ
·        คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในเลือด ลดลง
·        สารเคมีในเลือด...ผิดปกติ
·        เส้นเลือดหดตัว...ทั่วร่างกาย...ทำให้ร่างกายขาดเลือด
·         แคลเซียมในเลือด...ลดลง
โรคที่เกิดตามมา...คือ...
หน้ามืด เวียนหัว ใจสั่น

ชา...บริเวณปาก...และนิ้วมือ...
การบำบัด...รักษา...
อย่าสะสม...อารมณ์เหล่านี้...ไว้ในร่างกาย...
เมื่ออารมณ์เสีย..ต้องระบายออก...โดยเร็ว...
โดยการ...ปรับสมดุลของร่างกาย...และจิตใจ...
ทำร่างกาย...และจิตใจ...ให้ทำงานสัมพันธ์กัน...
- เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ดี...อารมณ์เสีย...
1.ตั้งสมาธิ...หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เครียด
2.ยิ้มให้อวัยวะต่าง ๆ...ที่กำลังเกิดความเครียด...
3.ทำให้ร่างกายทุกส่วน...เกิดการผ่อนคลาย...
โดยปล่อยวางอวัยวะทุกส่วน...ตามสบาย...ไม่เกร็ง...
4.มองความคิด...เราจะเห็นความเครียด...
สิ่งที่ทำให้เครียด...ที่ทำให้อารมณ์เสีย...
5.หยิบอารมณ์เครียด...อารมณ์เสีย...ปล่อยทิ้งให้ลอยไปในอากาศ...
แล้วเอาอารมณ์ดี...ความคิดดีๆสนุกสนาน...ใส่เข้าไปแทน6.เสร็จแล้ว...ยิ้มอย่างมีความสุข...แล้วกลับไปทำงาน...
ด้วยความคิด...มุมมอง...และทัศนคติใหม่...คิดบวก...
7.ออกกำลังกายทุกวัน...
8.ก่อนนอน...นั่งสมาธิ...ทำจิตใจให้สงบ...
เอาอารมณ์เครียด...อารมณ์เสียทิ้งทุกวัน...
ถ้าคุณทำได้ตามนี้...
สุขภาพคุณจะดี...ห่างไกลโรค...มีชีวิตที่มีความสุข...


โรค...ที่รักษาไม่หาย...
ช่วงนี้...บริษัทต่างๆ...เชิญผมไปพูดปลุกพลังให้ทีมงาน...อาทิตย์ละหลายวัน...
ปัญหาหลักของผมคือ...เสียงแห้ง...และคออักเสบตลอดปี...ตลอดชาติ...
ไปหาหมอ...หมอก็ให้ยาแก้อักเสบมากิน...
กินเสร็จ...หาย...ยาหมด...เป็นอีก...กินอีก...หาย...
เลิกกินยาเป็นอีก...พอกินยานานๆ...ยาตัวเดิมเอาไม่อยู่...
ต้องกินยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ...จนถึงแผงละ 950 บาท...

ผมหมดค่ายาไปหลายหมื่น...อาการก็เป็นๆหายๆ...
ชีวิตทุกข์ทรมานมาก...และเป็นปัญหามาก...กับการทำมาหากิน...

วันหนึ่งอ่านโบว์ชัวโฆษณา...ของโรงพยาบาล...
เรื่อง...โรคกรดไหลย้อน...
เขาบอกว่า...ถ้ามีอาการอย่างนี้...คุณเป็นโรคกรดไหลย้อน...ต้องรีบรักษา...

อาการคือ...
จุก...แน่น...แสบร้อน...ที่หน้าอกและคอ...
เหมือนมีอะไรมาติดที่หน้าอกและคอ...เรอเปรี้ยว...มีรสขม...
เวลานอน...มีกรดไหลมาที่ลำคอ...เข้าปาก...เข้าหลอดลม...เต็มจมูก...
เจ็บมาก...แสบคอและจมูกแสนสาหัส...กรดมันจุกคอจนหายใจไม่ออก..

เจ็บคออย่างแสนสาหัส...กลืนอาหารไม่ได้...เสียงแหบ...พูดไม่ได้...
ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอย่างรุนแรง...เหมือนอกจะไหม้...

ไอเรื้อรัง...เจ็บคอเรื้อรัง...เสียงแหบเรื้อรัง...
ปอดอักเสบ...ปวดเจ็บจี๊ดๆที่หน้าอกบ่อยๆ...

สาเหตุเป็นเพราะ...
กรดในกระเพราะอาหาร...มันไหลย้อนเข้ามากัด...
หลอดอาหาร...คอ...และหลอดลม...

วิธีรักษา...
ต้องไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญ...โดยด่วน...

ถ้าทิ้งไว้นาน...มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง...
หลอดอาหาร...คอ...กล่องเสียง...
อ่านเสร็จ...อุทานว่า...เวรแล้วกู...
ที่มึงพูดมาทั้งหมดนี่...อาการของกูล้วนๆเลยหละ...
นี่กูเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือนี่...?
แล้วถ้าไม่รีบรักษา...มะเร็ง...!!!!!

ผมทำตามคำแนะนำทันที...เดี๋ยวนั้น...
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามที่โฆษณา...
หมอบอกว่า...อาการผมหนักมาก...ต้องกินยา...
และรักษาต่อเนื่อง...อย่างน้อย 6 เดือน...
ถ้ายังไม่ดีขึ้น...ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น...

หลังจากนั้น...ผมก็เข้าออกโรงพยาบาล...เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2...

วิธีรักษา...โรคกรดไหลย้อนที่ได้ผลยอดเยี่ยม...

วันหนึ่ง...ยาหมด...แล้วผมต้องไปพูดปลุกพลังที่ขอนแก่น...
กลัวมาก...กลัวเจ็บคอ...กลัวเสียงแหบ...กลัวพูดไม่ได้...
ไม่มีเวลาไปโรงพยาบาล...เอาไงดี...?
ตัดสินใจ...พึ่งหมอตี๋...เข้าร้านขายยาปากซอยหน้าหมู่บ้าน...

เจอเภสัชกรคนหนึ่ง...หน้าตากวนตีนมาก...
อายุน้อยกว่าผม...แต่กวนตีนมากกว่าผม...

"ซื้อยาแก้กรดไหลย้อนครับ..."

"เอาเกรดไหน...มี
3 เกรด...ถูก...กลาง...แพง...

คุณภาพยา...ขึ้นกับราคา...ว่าไง...?"
มันถามแล้วมองหน้าผมแบบกวนตีน...

ผมกวนตีนกลับ..."เอาเกรดไหนก็ได้...ที่กินแล้วหายน่ะ..."

"ไม่มี...โรคนี้....ยาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้...
ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต..."

ผมหันไปจ้องหน้ามัน...เพราะสะดุดคำว่า...
ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต...
ผมถามว่า...มันมีวิธีรักษาด้วยวิธีอื่นหรือ...?
มันค่อยๆชายตามามองผมด้วยสายตาดูถูก...อย่างรุนแรง..
แล้วพูดโดยไม่มองหน้าคนฟังว่า...

"คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน...เกิดจากนิสัยชั่ว 5 อย่าง...
1. กินข้าวไม่ตรงเวลา...
2. กินอาหารรสจัดมาก...โดยเฉพาะเผ็ดจัด...
3. กินมากเกินไป...
4. กินแล้ว...เข้านอนทันที...
5. เครียดตลอดเวลา...
ถ้าอยากหาย...ไปเปลี่ยนนิสัย...ไม่ต้องกินยา..."

ผมกัดฟันแน่น...จ้องหน้ามัน..."ทำไมมึงถึงกวนตีนยังงี้วะ...?"
ผมคิดในใจ... แล้วค่อยๆเปิดประตู...เดินออกจากร้านไป...

10 วัน...ผ่านไป...ผมไปบรรยายหลายงาน...หลายจังหวัด..
คืนหนึ่งกลับเข้าบ้าน...ดึกแล้ว...

ผ่านร้านขายยา...ไฟยังไม่ปิด...ผมรีบจอดรถ...เดินเข้าไปในร้าน...
เจอไอ้เภสัชกวนตีน...คนเดิมเต็มๆ...มันหันมาเห็นผม...

"อ้าว...เป็นไง...โรคกรดไหลย้อน...
?"

ผมปรี่เข้าประชิดตัว...แล้วยกมือ...พนม...พร้อมก้มหัว...
"ขอบพระคุณมากครับ...หายแล้วครับ..."

พูดได้แค่นั้น...แล้วก็จุกที่คอ...พูดอะไรต่อไม่ได้อีก...
แล้วรีบเดินออกจากร้าน...
เป็นครั้งแรกในชีวิต...ที่ผมยกมือไหว้คนขายยา...ที่อายุน้อยกว่าผมมาก...



ผมพูดอะไรไม่ออก...แต่ผมเชื่อว่า...ไอ้เภสัชหนุ่มนี่มันรู้...ว่าผมจะพูดอะไร...?
มันสามารถสูบเงินจากผมได้เป็นหมื่น...และทำกำไรมหาศาล...แต่มันไม่ทำ...
มันเลือกที่จะช่วยผม...ให้หายป่วย...โดยไม่ได้เงินสักบาท...



การดำเนินชีวิตของผมตอนนี้...
- กินข้าวตรงเวลา...ทุกมื้อ...
- กินอาหารจืด...ไม่กินรสจัด...เผ็ดจัด...
- กินแค่จานเดียว...เลิก...ไม่ว่าจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม...
- มื้อสุดท้าย...กินก่อน 6 โมงเย็น...แล้วไม่กินอะไรอีกเลย...
ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม...
- อารมณ์ดีตลอด...ยิ้ม...หัวเราะ...ทำตัวให้มีความสุขทั้งวันผลที่เกิดตามมาคือ...
- พุงผมหายไป...ไม่มีหน้าท้อง...ไม่อึดอัด...
- สุขภาพดีขึ้น...ไม่เป็นโรคอ้วน...
- บุคลิกภาพดีขึ้น...ความมั่นใจเพิ่มขึ้น...เวลาเข้าสังคม...
- หายใจสะดวก...ไม่แน่นท้องเหมือนก่อน...
- ไม่ง่วงนอน...ไม่อ่อนเพลียเวลาทำงาน...เหมือนก่อน...
- การทำงานและการเคลื่อนไหวร่างกาย...คล่องตัวขึ้น...
ที่สำคัญคือ...
ชีวิตผม...มีความสุขขึ้น...เยอะเลย...
นี่แหละคือเหตุผลที่ผมต้องไหว้...
และผมจะไหว้ไอ้เวรนี่ตลอดชีวิต...ไม่ว่ากูจะเจอมึงที่ไหน...
สิ่งมีค่าที่สุดที่มันมอบให้ผมก็คือ...

โรคภัยไข้เจ็บ...90 %...ของมึงเนี่ย...ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค...แต่เกิดจากเชื้อเลว...ในการดำเนินชีวิตของมึงทั้งนั้น...

ดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง...ตามธรรมชาติ...มีสุขนิสัยที่ดี...
คุณจะไม่ป่วย...ไม่เป็นโรค...ไม่ต้องไปหาหมอ...
หมอและยา...เขามีไว้รักษาและขาย...ให้คนที่โง่...เท่านั้น...
เลิกโง่กันเถอะเพื่อน...
เพื่อนรุ่นน้องของผมหายไปนานมาก...เกือบปี...
ผมคิดถึง...อยากรู้ข่าวคราว...จึงโทรไปหา...นัดกินข้าว...

เพื่อนเล่าให้ฟังว่า...หลังจากรักษาจนหายแล้ว...
เจ้านายเก่ารู้ว่า...กลับมาจากต่างประเทศแล้ว...หายแล้ว...
ก็ชวนกลับไปทำงานที่เดิม...เงินเดือน 6 หลัก...มันยากที่จะปฏิเสธ...

ทำอยู่ได้ 6-7 เดือน...อาการกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก...
และเที่ยวนี้...ดูว่ามันรุนแรงกว่าเดิมมาก...

หลังจากวันนั้น...ผมก็ไม่ได้ข่าวคราวจากเพื่อนคนนี้อีกเลยส่วนผม...ทำตัวตามที่ไอ้หมอตี๋กวนตีนนั่นบอก...
เปลี่ยนเอานิสัยเลวๆในการดำเนินชีวิตออก...
โรคกรดไหลย้อน...ไม่มีอาการ...โรคซึมเศร้าดีขึ้น...จนเริ่มเขียนหนังสือได้...
โรคเครียดเบาบางลงมาก...ยิ้ม...หัวเราะ...มีความสุขกับการทำงานเกือบทั้งวัน...
คุณภาพชีวิตที่ดีๆของผม...กลับคืนมาแล้ว...เยอะมากด้วย

จึงอยากจะถือโอกาสนี้...บอกกับเพื่อนๆทุกคนว่า...
เลิกโง่กันเถอะเพื่อน...


ฉันฉันน์ ลวางกูรพสิษฐ์...
(สมคิด ลวางกูร)

1 ความคิดเห็น:

  1. โรคที่อจ. เป็น คือ โรค "อัตตา" แล้วทำไมกูถึงซึมเศร้าวะเนี่ย...?
    ทั้งๆที่...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...
    ไปไหนมีคนเคารพ...กราบใหว้...เชื่อถือ...ศรัทธา... อจ. มั่นใจในตัวเอง โคตร ๆๆๆ เรื่อง การรักษาโรค โดย ไม่ใช้ยา เชื่อว่าใคร ๆ ก็รู้ แต่ปัญหาคือ หมอตี๋ คนนี้เค้าคง รู้ว่าอจ. เป็นใคร "I'm who I am" กู ...กู ...กู จนคนรู้จักทั้งเมือง ก็เลือก เอาวิธีของอาจารย์มาใช้มั่ง อาจารย์เลย เงิบบ...เพราะในชีวิตไม่มีใครกล้าตะคอก ประจวบเหมาะกับถูกเวลา กลัวตาย เพราะโรครุมเร้า (ถูกที่ถูกเวลา ถูกคน) อาจารย์เลย ตั้งหน้าตั้งตาทำตามที่เค้าบอก ถ้าเป็นเพื่อน(ซึ่งคิดว่าต้องเคยมี ) เตือน อาจารย์ก็คงไม่เชื่อ จบข่าว..........

    ตอบลบ