วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563

NSAIDs (เอ็นเสด) ชื่อเต็มคือ Non-Steroidal Anti-Inflammatory

NSAIDs (เอ็นเสด) ชื่อเต็มคือ Non-Steroidal Anti-Inflammatory เป็นกลุ่มยาแก้อักเสบชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ใช้มากในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวด บวม หรืออักเสบต่าง ๆ เช่น แก้ปวด ลดไข้ ใช้รักษาโรคข้ออักเสบต่าง ๆ โรคข้อรูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ และปวดแผล อย่างไรก็ตาม ยากลุ่ม NSAIDs ทำให้เกิดผลข้างเคียงมาก เช่น เลือดออก หัวใจวาย เส้นเลือดในสมองแตก ดังนั้น การใช้ยากลุ่มนี้จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ หรือซื้อภายใต้คำแนะนำของเภสัชกร



NSAIDs
ยา NSAIDs ที่ใช้แพร่หลายในประเทศไทย ได้แก่ แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) นาโปรเซน (Naproxen) อินโดเมธาซิน (Indomethacin) อีโตริคอกซิบ (Etoricoxib) หรืออาร์โคเซีย (Arcoxia) และเซเลโคซิบ (Celecoxib) หรือเซเลเบรก (Celebrex)
เกี่ยวกับ NSAIDs
กลุ่มยายาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
ประเภทยายาตามใบสั่งแพทย์ หรือสามารถซื้อเองตามร้านขายยาทั่วไปภายใต้คำแนะนำของเภสัชกร
สรรพคุณรักษาอาการปวด บวม อักเสบ ลดไข้
กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยายารับประทานชนิดแคปซูล และยาทาภายนอกเฉพาะที่ชนิดครีมหรือเจล
คำเตือนในการใช้ยา NSAIDs
  • ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน
  • ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs โดยเฉพาะหากมีประวัติแพ้รุนแรง
  • ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในกรณีของสตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร วางแผนจะมีบุตร หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เพราะอาจส่งผลต่อการคลอดและทารกได้
  • ไม่ควรใช้ยาแอสไพรินในเด็กและบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะอาจทำให้เกิดอาการไรย์ซินโดรม (Reye’s Syndrome) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมที่ตับและสมอง อาเจียน อ่อนเพลีย ชัก และหมดสติ
  • ไม่ควรใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก
  • ไม่ควรรับประทานยานี้ในวันหรือเวลาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
  • ไม่ควรรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน ยา NSAIDs เป็นยาที่ใช้รักษาในระยะสั้น ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาตามมา
  • ไม่ควรใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด และไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะ มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต หรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ เพราะยาจะไปกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงกับโรคนั้น ๆ มากขึ้น
ปริมาณการใช้ยา NSAIDs
ยาในกลุ่ม NSAIDs แพทย์จะสั่งยาตามเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละคน เช่น 1-4 ครั้งต่อวัน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ยาจะสะสมในร่างกาย หรืออายุและน้ำหนักตัวของผู้ป่วย แพทย์อาจเพิ่มความแรงของยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือลดความแรงของยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ตัวอย่างปริมาณการใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs
ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
  • ผู้ใหญ่ เริ่มต้นรับประทานยาปริมาณ 400 มิลลิกรัม แล้วต่อด้วยปริมาณ 200-400 มิลลิกรัม ตามความจำเป็นทุก 4 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 4 ครั้งต่อวัน
  • เด็ก รับประทานทุก 6 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 4 ครั้งต่อวัน ปริมาณของยาขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ดังนี้
    • น้ำหนักตัว 7-8 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 9-10 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 75 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 11-16 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 100 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 17-21 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 150 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 22-27 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 28-32 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 250 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 33-43 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 300 มิลลิกรัม
    • น้ำหนักตัว 44 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานยาปริมาณ 400 มิลลิกรัม เหมือนผู้ใหญ่
ยานาโปรเซน (Naproxen)
  • ผู้ใหญ่ เริ่มต้นด้วยปริมาณ 440 มิลลิกรัม แล้วต่อด้วยปริมาณ 220 มิลลิกรัม ทุก 8-12 ชั่วโมง ตามความจำเป็น ดื่มน้ำตามมาก ๆ และไม่ควรรับประทานยาเกิน 660 มิลลิกรัม ต่อวัน
  • ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ไม่ควรรับประทานยาเกิน 220 มิลลิกรัม ต่อ 12 ชั่วโมงยกเว้นแพทย์สั่ง
  • ไม่ควรใช้ยานาโปรเซนในเด็ก ยกเว้นแพทย์สั่ง
การใช้ยา NSAIDs
ในกรณีที่ซื้อยารับประทานด้วยตนเอง เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน นาโปรเซน ควรอ่านฉลากยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ปริมาณยาจะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของผู้ป่วย ไม่ควรรับประทานยาเกินปริมาณที่กำหนด และควรใช้เครื่องมือตวงที่แนบมากับตัวยา ในกรณีที่ไม่ใช่ยาเม็ด ไม่ควรตวงด้วยช้อนที่ใช้รับประทานอาหาร เพราะจะทำให้ปริมาณยาคลาดเคลื่อนได้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา NSAIDs

  • ผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตกได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) อย่างไรก็ตาม ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิดเช่น แอสไพริน มีคุณสมบัติต้านการทำงานของเกล็ดเลือดหากให้ในระดับต่ำ จะส่งผลให้เลือดแข็งตัวได้ช้า ลดโอกาสเกิดลิ่มเลือด แพทย์จึงใช้ยากลุ่มนี้เพื่อต้านการแข็งตัวของเลือดในการป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน แต่หากใช้ยากลุ่ม NSAIDs ร่วมกับแอสไพรินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้
  • ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร มักพบอาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ ปวดท้อง มีแผลหรือเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ พบมากในผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะไตวาย ยกเว้นการใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) ที่ออกแบบมาให้ไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
  • ผลข้างเคียงต่อความดันในเลือด เมื่อรับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs เข้าไป จะทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น ผู้ที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ จะเสี่ยงต่อภาวะเลือดไหลไม่หยุด ถ้ามีการรับประทานยา NSAIDs ก่อนการผ่าตัดประมาน 1 สัปดาห์ แพทย์จะแนะนำให้หยุดรับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเลือดออกมากเกินไป
  • ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการหายใจเสียงดัง หายใจเร็ว ใบหน้าหรือลำคอบวม อาการเหล่านี้พบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด ไซนัส หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเนื้องอกในโพรงจมูก
  • ผลข้างเคียงต่อตับ ทำให้เกิดความเสียหายต่อตับ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยากลุ่ม NSAIDs เป็นระยะเวลานาน และใช้ในปริมาณมาก
  • ผลข้างเคียงต่อไต การรับประทานยากลุ่ม NSAIDs แม้ในระยะเวลาสั้นก็สามารถส่งผลให้เกิดอันตรายต่อไตได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตอยู่แล้ว ควรตรวจความดันเลือดและการทำงานของไตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น