ยา NSAIDs ที่ใช้แพร่หลายในประเทศไทย ได้แก่ แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) นาโปรเซน (Naproxen) อินโดเมธาซิน (Indomethacin) อีโตริคอกซิบ (Etoricoxib) หรืออาร์โคเซีย (Arcoxia) และเซเลโคซิบ (Celecoxib) หรือเซเลเบรก (Celebrex)
เกี่ยวกับ NSAIDs
กลุ่มยา | ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ หรือสามารถซื้อเองตามร้านขายยาทั่วไปภายใต้คำแนะนำของเภสัชกร |
สรรพคุณ | รักษาอาการปวด บวม อักเสบ ลดไข้ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทานชนิดแคปซูล และยาทาภายนอกเฉพาะที่ชนิดครีมหรือเจล |
คำเตือนในการใช้ยา NSAIDs
- ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน
- ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs โดยเฉพาะหากมีประวัติแพ้รุนแรง
- ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในกรณีของสตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร วางแผนจะมีบุตร หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เพราะอาจส่งผลต่อการคลอดและทารกได้
- ไม่ควรใช้ยาแอสไพรินในเด็กและบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะอาจทำให้เกิดอาการไรย์ซินโดรม (Reye’s Syndrome) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมที่ตับและสมอง อาเจียน อ่อนเพลีย ชัก และหมดสติ
- ไม่ควรใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก
- ไม่ควรรับประทานยานี้ในวันหรือเวลาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
- ไม่ควรรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน ยา NSAIDs เป็นยาที่ใช้รักษาในระยะสั้น ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาตามมา
- ไม่ควรใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด และไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะ มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต หรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ เพราะยาจะไปกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงกับโรคนั้น ๆ มากขึ้น
ปริมาณการใช้ยา NSAIDs
ยาในกลุ่ม NSAIDs แพทย์จะสั่งยาตามเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละคน เช่น 1-4 ครั้งต่อวัน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ยาจะสะสมในร่างกาย หรืออายุและน้ำหนักตัวของผู้ป่วย แพทย์อาจเพิ่มความแรงของยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือลดความแรงของยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ตัวอย่างปริมาณการใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs
ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
- ผู้ใหญ่ เริ่มต้นรับประทานยาปริมาณ 400 มิลลิกรัม แล้วต่อด้วยปริมาณ 200-400 มิลลิกรัม ตามความจำเป็นทุก 4 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 4 ครั้งต่อวัน
- เด็ก รับประทานทุก 6 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 4 ครั้งต่อวัน ปริมาณของยาขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ดังนี้
- น้ำหนักตัว 7-8 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 9-10 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 75 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 11-16 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 100 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 17-21 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 150 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 22-27 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 28-32 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 250 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 33-43 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 300 มิลลิกรัม
- น้ำหนักตัว 44 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานยาปริมาณ 400 มิลลิกรัม เหมือนผู้ใหญ่
ยานาโปรเซน (Naproxen)
- ผู้ใหญ่ เริ่มต้นด้วยปริมาณ 440 มิลลิกรัม แล้วต่อด้วยปริมาณ 220 มิลลิกรัม ทุก 8-12 ชั่วโมง ตามความจำเป็น ดื่มน้ำตามมาก ๆ และไม่ควรรับประทานยาเกิน 660 มิลลิกรัม ต่อวัน
- ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ไม่ควรรับประทานยาเกิน 220 มิลลิกรัม ต่อ 12 ชั่วโมงยกเว้นแพทย์สั่ง
- ไม่ควรใช้ยานาโปรเซนในเด็ก ยกเว้นแพทย์สั่ง
การใช้ยา NSAIDs
ในกรณีที่ซื้อยารับประทานด้วยตนเอง เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน นาโปรเซน ควรอ่านฉลากยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ปริมาณยาจะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของผู้ป่วย ไม่ควรรับประทานยาเกินปริมาณที่กำหนด และควรใช้เครื่องมือตวงที่แนบมากับตัวยา ในกรณีที่ไม่ใช่ยาเม็ด ไม่ควรตวงด้วยช้อนที่ใช้รับประทานอาหาร เพราะจะทำให้ปริมาณยาคลาดเคลื่อนได้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา NSAIDs
- ผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตก ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตกได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) อย่างไรก็ตาม ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิดเช่น แอสไพริน มีคุณสมบัติต้านการทำงานของเกล็ดเลือดหากให้ในระดับต่ำ จะส่งผลให้เลือดแข็งตัวได้ช้า ลดโอกาสเกิดลิ่มเลือด แพทย์จึงใช้ยากลุ่มนี้เพื่อต้านการแข็งตัวของเลือดในการป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน แต่หากใช้ยากลุ่ม NSAIDs ร่วมกับแอสไพรินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้
- ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร มักพบอาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ ปวดท้อง มีแผลหรือเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ พบมากในผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะไตวาย ยกเว้นการใช้ยาเซเลเบรก (Celebrex) ที่ออกแบบมาให้ไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
- ผลข้างเคียงต่อความดันในเลือด เมื่อรับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs เข้าไป จะทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น ผู้ที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ จะเสี่ยงต่อภาวะเลือดไหลไม่หยุด ถ้ามีการรับประทานยา NSAIDs ก่อนการผ่าตัดประมาน 1 สัปดาห์ แพทย์จะแนะนำให้หยุดรับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเลือดออกมากเกินไป
- ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการหายใจเสียงดัง หายใจเร็ว ใบหน้าหรือลำคอบวม อาการเหล่านี้พบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด ไซนัส หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเนื้องอกในโพรงจมูก
- ผลข้างเคียงต่อตับ ทำให้เกิดความเสียหายต่อตับ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยากลุ่ม NSAIDs เป็นระยะเวลานาน และใช้ในปริมาณมาก
- ผลข้างเคียงต่อไต การรับประทานยากลุ่ม NSAIDs แม้ในระยะเวลาสั้นก็สามารถส่งผลให้เกิดอันตรายต่อไตได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตอยู่แล้ว ควรตรวจความดันเลือดและการทำงานของไตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น