วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564

รู้จักหรือยัง " วัดทุ่งบ่อแป้น"??











สถานพักฟื้นผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต
วัดทุ่งบ่อแป้น จังหวัดลำปาง
ตั้งอยู่ที่
  ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง

เส้นทาง : ใช้เส้นทางที่เราเดินถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-เชียงใหม่
อยู่บริเวณซ้ายมือก่อนถึงอำเภอห้างฉัตรเล็กน้อย จะมองเห็นป้ายวัดที่เอารูปมาลงน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็ดูป้ายตามทางไปเรื่อยๆ นะคะ
ปากทางเข้าวัดค่ะ ต้องสังเกตหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะเลยค่ะ..............

พอไปถึงก็ต้อง ติดต่อที่ฝ่ายต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่สาว ๆ อัธยาศัยดีมาก  มีพยาบาลด้วย ออกมาตรวจวัดความดัน พร้อมสอบถามประวัติอย่างละเอียด ฉันมีน้องชายและน้องสะใภ้ไปด้วย เราเดินดูรอบ ๆ บริเวณซึ่งบรรยากาศสดชื่น มีสนามสวย สถานที่สะอาด มีอาคารห้องพัก เรียงรายแบ่งประเภท ตามอัตภาพ ราคาก็ไม่แพง เพราะไม่ใช่รีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ก็มีทุกอย่างที่คนป่วยและคนดูแลต้องการ มีห้องให้เลือกหลายราคา ตั้งแต่ 180 บาท ไปจนถึง 500 บาท ต่อคืน




มีคนป่วยหลากหลายมาก มีทุกวัย มีคนต่างชาติมารักษาที่นี่ด้วย ทุกคนรู้จักกันอย่างรวดเร็ว ฉันคิดว่า 
ประมาณหัวอกเดียวกัน ผู้มาเฝ้าไข้ก็พลอยเสวนากันอย่างสนิทสนม












ทั้งวันก็ทำกายภาพในอาคารกว้าง ด้วยกัน
บางคนก็ขยัน บางคนก็อู้ ๆ บางคนก็นั่งเม้าธ์กันไม่ซีเรียส
แค่ประสบการณ์ในที่นี้ก็ทำให้ฉันเข้าใจคนป่วยโรคนี้มากขึ้น มีนักกายภาพ พยาบาล สับเปลี่ยนกันมาดูแลตลอดเวลา 























ฉันสัมผัสได้ถึงความเมตตาที่ถูกถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสเจ้าของโปรเจคนี้ผ่านทางเจ้าหน้าที่ที่เล่าให้ฉันฟัง ไม่มีโอกาสได้คุยกับท่านแต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงเจตนาดีและวัตถุประสงค์ในการ
"เป็นผู้ให้" แก่ผู้ยากไร้และผู้เจ็บป่วย
หลายคนมาโดยที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงินไม่ใช่เพราะว่าที่นี่ถูกและฟรีในบางกรณี แต่เพราะว่าต้องเริ่มต้นจากทุกที่เพื่อจะศึกษาบางที่ที่เป็นเอกชนเป็นเนอสเซอรี่อาจจะมีคนดูแลเราอย่างดีเทคแคร์เราเหมือนเราเป็นลูกค้าเป็น customer เขาก็ไม่กล้าสอนเราหรือดุเรามากเพราะอย่าลืมมันเป็นธุรกิจยิ่งเขาดุเรามากๆเราก็ไม่อยู่นานเขาก็ไม่ได้เงินจากเราถูกไหม??

แต่ที่การกุศลแบบนี้เขาต้องการช่วยให้เราหายเร็วๆให้เราช่วยตัวเองให้มากที่สุดเขาไม่ดุเราก็จริงแต่เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองมากๆเลยเขาไม่ใช่ครูไม่ใช่ในโรงเรียนฝึกทหารเราจึงต้องสังเกตจากคนอื่นๆ




เก้าอี้ไฟฟ้าใช้ได้แต่ต้องจ่ายค่าบริการ จำไม่ได้เท่าไหร่ 


        อาหารก็ไปหาซื้อเอาเองนอกรั้ววัด
ฉันเห็นมีหลายๆคนที่น่าจะเป็นวัยเดียวกับฉันแต่เนื่องจากว่าคงไม่ได้ดูแลตัวเองมากบางคนก็น้ำหนักเกินมากบางคนก็ดูสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้วพอมาเป็นโรคนี้ฉันก็เห็นเขานั่งคุยกันทั้งวันไม่เห็นเขาซีเรียสทำฟื้นฟูอะไรเลยในขณะที่บางคนก็ดูยากจนมากมานั่งรอคิวเมื่อไหร่จะได้ใช้เครื่องนี้เมื่อไหร่จะได้ถึงคิวฉันมันน่าสงสารมาก พอบ่าย ๆ ก็ ไปใช้บริการนอนนวดกับ พื้น เรียงแถวกันไปเลย ไม่ต้องอายกัน ในมือหมอนวดคือใบพลับพลึง (ย่างให้ร้อน ก่อนเอามานาบกับผิวเรา เรียกว่า
"การซ่อมร่าง...แบบร้อนๆ"



            ฉันตื่นมาเดิน ๆ ๆ ตอนเช้า
          ทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่

ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฉันได้มีประสบการณ์ในชีวิตในเรื่องนี้ฉัน ได้รู้จักกับน้องคนหนึ่งผู้ชายอายุแค่ 25 ปีเกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนหรือล้มนี่แหละแล้วก็สมองก็ไม่ทำงานเขาก็พูดไม่ชัดก็คืออาการเหมือนเราเป็นสโตรกแต่ว่าสาเหตุคนละอย่างเขาก็ต้องมาฝึกเหมือนเรา เขาก็มุ่งมั่นมากฉันตื่นเช้าออกมาเดินกันก็มักจะเห็นเขาพยายามออกมาเดินและขยับนิดหน่อยเขาก็ทำถึงแม้นว่าจะต้องนั่งรถเข็นบ้าง

ส่วนฉันยืมจักรยานของสถานที่ก็ต้องคอยออกมาจองคิวจักรยานเอาไปซื้อของนอกวัดบ้าง ไม่ไกล เดินได้ และฉันมีน้องสะใภ้ที่ไปอยู่ด้วยเป็นคนดูแลไปอยู่เป็นเพื่อนเขาก็จะคอยดูแลเรื่องอาหารการกินเรื่องอื่นๆฉันก็ช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้วอาบน้ำอาจจะนานหน่อยใส่เสื้อผ้าก็อาจจะออกแนวยาก ๆ หน่อย เพราะว่าฉันพึ่งฟื้นมาจากป่วยประมาณ 8 เดือน แต่เป็น 8 เดือนที่ไม่เคยนอนติดเตียงเลยคือต้องลุกมาไม่ทำอะไรก็ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉันโชคดีที่มีพี่สาวโคตรโหดไม่รู้เขาไปเรียนจบกายภาพชนิดโหด ๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้ฉันฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว


ฉันมาอยู่ที่นี่เพียง 7 วัน (เจ็ดวันเท่านั้นจริง ๆ ) เพราะ เจ้าหน้าที่บอกว่าฉันดูไม่เข้าพวก เพราะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เยอะมาก

ฉันเดาว่าเขาคงหมายถึงฉันอาจจะพัฒนาต่อไปไม่ได้แล้วในสถานที่นี้เพราะฉันพูดได้ชัดเจนขึ้นมากเดินได้ค่อนข้างดีแล้วหลังจากมาอยู่ที่นี่ได้ 7 วันตอนเช้าฉันก็ออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์เพราะว่าเป็นสถานที่กว้างมากมีทุ่งหญ้าเขียวสวยงามกลางวันก็ฝึกทั้งวันในอาคาร ส่วนการฝึกกล้ามเนื้อมือที่อ่อนแรง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก จะใช้เวลานานมากกก สามารถทำได้เองที่บ้าน(อาจจะเป็นหลาย ๆ ปีฉะนั้นฉันจึง ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน ๆ เพราะอุปกรณ์มีจำกัด น่าจะให้คนป่วยที่ต้องการมันมากกว่าฉัน ดีกว่า (มีอุปกรณ์บางอย่างและการให้บริการบางอย่างที่เราจะต้องใช้เงินจ่ายค่าบริการอย่างเช่นการใช้เก้าอี้ไฟฟ้าปั่นขาการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดรวมไปถึงการนวดเราก็ต้องจ่ายค่านวดเอง สิริรวมแล้วไปอยู่ 7 วันใช้เงินคงจะประมาณซัก 20,000 บาทเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ


สรุปเรื่องของวัดทุ่งบ่อแป้นนี้นะคะตอนหลังมาหลังจากหลังจากนั้นมาประมาณสัก 2 ปีหลังจากที่ฉันไปใช้บริการอยู่ไม่นานเนี่ย 2 ปีก็ถูกปิดนะคะ ไม่ได้ถูกสั่งให้ปิดแต่มาปิดตัวเองอาจจะเนื่องจากค่าใช้จ่ายฉันเดาเอาเองนะเพราะว่าค่าบริการมันถูกมากได้แต่ค่าห้องค่าอาหารทุกคนก็ต้องไปซื้ออาหารกินเองที่มีแม่ค้ามาขายตอนเช้าสถานที่ไม่ได้ทำร้านอาหารขายก็ไม่มีกำไรอะไรจากส่วนนั้นแล้วเราชอบนวดนวดแล้วก็จ่ายโดยตรงกับหมอนวดคงจะไม่มีผลประโยชน์อะไร เพราะค่าแรงหมอนวด ก็นิดๆหน่อยๆเป็นการบริจาคให้ทางวัดมากกว่านะหมายถึงพวกหมอนวด นอกนั้นก็จะมองไม่เห็นว่าสถานที่จะได้เงินมาจากไหนไม่รู้ว่าญาติโยมหรือใครบริจาคอย่างไรบ้าง


เข้าไปดูในเพจของวัดก็ไม่ค่อยเคลื่อนไหวนะคะอาจจะไม่ใช่นักธุรกิจอะนะหยุดไปอยู่หลายปีเหมือนกันนะแต่เมื่อเร็วๆนี้เห็นบอกว่าจะมาเปิดใหม่อีกแล้วในเดือนมีนาคมนี้แหละก็คงจะเปิดแล้ว

ขณะที่เขียนเรื่องนี้อาจจะเปิดแล้วใครสนใจก็ลองโทรไปสอบถามดูนะคะเดี๋ยวจะเอาลิงก์ของเพจวัดทุ่งบ่อแป้นมาวางไว้ให้นะคะ



ฉันจึงอยากจะสรุปว่าทุกคนสามารถดิ้นรนที่จะไปรักษาที่ไหนก็ได้ใครว่าอะไรดี ที่ไหนดี เราก็ไปหมด!!!


ฉันจึงไม่ปิดกั้นคนที่มาโพสโฆษณาเรื่องของการจัดกระดูกบีบนวดอะไรต่างๆเพราะฉันเคยตกที่นั่งนั้นต้องไปทุกที่ที่คนว่าดีแต่ไม่ได้หมายความว่ามันได้ผลหรือไม่ได้ผลมันอยู่ที่ใจเรานะเราต้องสัมผัสเราต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักร่างกายของเราเองว่าแบบนี้มันดีหรือไม่ดีกับร่างกายเรา

แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องมีความรู้สากลทั่วไปด้วยว่ามันหมายถึงเส้นเลือดตราบใดที่ถ้าเส้นเลือดเรายังตีบยังตันถึงมันจะแตกไปแล้วอ่ะมันเปราะแล้วมันอาจจะแตกอีกแต่ตีบและตันนี่สำคัญมาก


ทำไมมันยังตีบยังตันอยู่ล่ะ?
เพราะว่าคุณยังไม่ได้ทะลุทะลวงมันเลยอ่ะ
คุณยังอ้วนอยู่เมื่อคืนยังกินเหมือนเดิมพฤติกรรมเดิม

น้ำหนักคุณก็ยังอ้วนแถมยังลุกไปไหนไม่ได้เพราะคุณป่วยอยู่


คุณจะฟื้นได้ยังไงเพราะว่าเส้นเลือดมันก็ตันนะ

คุณต้องออกกำลังกายคุณต้องทำให้เส้นเลือดมันไหลอ่ะ

ทำอะไรก็ได้ให้เส้นเลือดมันโล่งมันไหลอ่ะ

พอมันโล่งสมองมันก็จะสั่งงานเองมันจะค่อยๆพัฒนาและเริ่มสั่งงานเอง


สรุปแล้วการทำกายภาพน่ะดีที่สุดดูบางสถานที่ฉันเคยไปมาจนถึงที่ชลบุรีเหมือนกันนะมีหมอโหดมากเสียงคนไข้เข้าไปรักษานะจำไม่ได้ว่าชื่อหมออะไรเดี๋ยวต้องไปค้นหาบันทึกความจำเล่มเก่าๆเข้าไปในปากซอยก็ได้ยินเสียงแล้วอ่ะว่าหมอคนนี้คงคิดไปเองนะว่าต้องโหดโหดเข้าไว้

ต้องดุด่าไปด้วยชาวบ้านก็จะรู้สึกว่าเออมีคนหวังดีกับเราเสียเงินแล้วยังไปถูกด่าอีกอ่ะฉันว่ามันดูหยาบไปหน่อยนะ






ขอบคุณอาวุธประจำกาย โน๊ตบุ๊คคู่ชีวิต
ที่ทำให้มีเรื่องราวมาแชร์ต่อ
(ขอบคุณมือซ้ายและนิ้วชี้ 1 นิ้วสู้ตาย)



















1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่ตามมาอ่าน คอมเม้นท์ได้นะคะ
    ดีใจจังที่ทักมา 💝💋

    ตอบลบ