วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ค่าความดันโลหิตมีสองค่า

ความดันโลหิตสูง
ค่าความดันโลหิตมีสองค่า คือความดันโลหิตตัวบนเรียก Systolic ความดันโลหิตตัวล่างเรียก Diastolic เมื่อสมัยก่อนจะเน้นเรื่องความดันตัวล่างคือ diastole ว่าหากสูงจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ปัจจุบันทั้งความดันตัวบน( systole ) และความดันตัวล่าง(diastole) สูงจะทำให้เกิดทั้งโรคหัวใจ และหลอดเลือด พบว่าหากเป็นความดันโลหิตสูงโรคเดียว จะพบว่าเกิดโรคหลอดเลือดสมองมาก ภาวะนี้พบได้ในประเทศแทบเอเซีย แต่หากมีโรคอื่น เช่น ไขมัน เบาหวาน หรือสูบบุหรี่จะพบโรคหัวใจมากกว่าโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่พบในประเทศยุโรปและอเมริกา
ความดันโลหิตตัวบน ความดันโลหิตตัวล่างหรือ ช่วงระหว่างความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง อันไหนมีความสำคัญ
  • ในการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ความดันโลหิตตัวบน systolic และความดันโลหิตตัวล่าง diastolic หากค่าใดค่าหนึ่งสูงจะมีผลทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคสมองเพิ่มขึ้น ดังนั้นในการรักษาจะต้องรักษาให้ทั้งสองค่าอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด
  • สำหรับความแตกต่างระหว่างความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง(ความดันโลหิตตัวบนลบตัวล่าง)นั้นไม่ควรเกิน50-55 หากค่านี้เกินในคนอายุมากว่า55ปีจะถือว่าเป็นความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะถือว่าน่าจะมีโรคหลอดเลือดแข็งหรือตีบแล้ว อ่านที่นี่
คำจำกัดความของความดันโลหิตสูง
 
ค่าความดัน sysytole
 
ค่าความดนตัวล่าง diastole
ค่าความดันที่ต้องการ
optimal
<120และ<80
ค่าความดันปกติ
normal
120-129และหรือ80-84
ค่าความดันปกติแต่สูง
high normal
130-149และหรือ85-89
ความดันสูงระดับ1
grade1hypertension
150-169และหรือ90-99
ความดันสูงระดับ2
grade2hypertension
170-189และหรือ100-109
ความดันสูงระดับ3
grade3hypertension
>180และหรือ>110
ความดันสูงตัวบน
isolated hypertension
>140และ<90
เมื่อท่านวัดความดันโลหิตแล้ว ดูว่าความดันโลหิตท่านอยู่ในช่วงไหน โดยดูทั้งความดันตัวบนและตัวล่าง หากว่าค่าใดสูงให้เอาค่านั้น เช่าหากวัดได้ค่าความดันโลหิต150/120 mmHg จะจัดว่าท่านอยู่ในความดันโลหิตระดับ 3 แม้ว่าความดันตัวบนของท่านจะอยู่ในระดับ 1
หลังจากที่ทราบค่าความดันโลหิตแล้ว ท่านต้องมาพิจารณาว่าท่านมีความเสียงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ในขั้นไหน คลิกที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น